จากสถานการณ์การแก้ปัญหาจากไวรัสโควิด 19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนชาวไทยและทั่วโลก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการในการป้องกันการติดต่อของโรคระบาดไวรัสโควิด 19 ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพอาศัยช่วงโอกาส กักตุนหน้ากากอนามัยนำเสนอจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ แล้วนำมาจำหน่ายในราคาแพง เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อน ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการเร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มขบวนการที่กระทำผิดกักตุนหน้ากากอนามัย ,เจลล้างมือแอลกอฮอล์ แล้วนำมาจำหน่ายในราคาแพงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความเดือดร้อนนำตัวมาดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดโดยเร็ว พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุม ตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.),พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศปอส.ตร.,พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร./ รอง ผอ.ศปอส.ตร.,พล.ต.ท.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบช.สทส./ หน.ฝอ.ศปอส.ตร.,พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.,พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส. /รอง หน.ฝ่ายเทคนิคและสืบสวน ศปอส.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส.บช.ปส./หน.ชุดปฏิบัติการทางเทคนิค ,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม./เจ้าหน้าที่ประจำ ศปอส.ตร.,พ.ต.อ.ณกฤช บุญศักดิ์ ผกก.สส.บก.น.9 และ พ.ต.ท.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รอง ผกก.ป.ฯ/ชป.2 ศปอส.ตร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.9 และ นายชาตรี อารีวงศ์ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบและปฏิบัติการ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มแก๊งชาวจีน ลักลอบนำเข้าหน้ากากอนามัย,เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ,เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ,อุปกรณ์สำหรับใช้ป้องกันการติดต่อโรคโควิด 19 รวมทั้งสิ่งของอย่างอื่น จากต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อนำเข้ามาลักลอบจำหน่ายให้กับลูกค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์
จากนั้นจึงส่งสินค้าทางพัสดุให้กับลูกค้า จึงได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลอาญาธนบุรี ขออนุมัติหมายค้นสถานที่ตรวจค้น บ้านเลขที่ 113/5-6 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นของศาลอาญาธนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวพบ Mr.LI MINGFAN สัญชาติจีน แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านและเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว และ MR.ZHANG CHAOWEI สัญชาติจีน เป็นพนักงานอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงความบริสุทธิ์ใจ และแสดงหมายค้นให้ Mr.LI MINGFAN สัญชาติจีน ตรวจสอบจนเป็นที่พอใจแล้ว Mr.LI MINGFAN อนุญาตให้ทำการตรวจค้นและเป็นผู้นำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ หน้ากากอนามัยเจลล้างมือแอลกอฮอล์,เครื่องตรวจวัดอุณภูมิในร่างกาย,วัตถุหรือสิ่งลามก,Sextoy และน้ำมันสกัดจากพืชกัญชง รวมของกลางกว่า 5,000 รายการ มูลค่ากว่า 5,000,000 บาท จึงได้ตรวจยึดและจับกุมชาวจีนทั้งสองคน จากการสอบสวนขยายผลชาวจีนทั้งสองคน รับว่าสิ่งของที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้นั้นตนเองได้นำเข้าจากต่างประเทศโดยขนส่งทางเรือขนส่งสินค้า
จากนั้น จึงนำมาเก็บไว้ภายในบ้านหลังดังกล่าว ที่ถูกตรวจค้นเพื่อเตรียมจำหน่ายให้กับลูกค้าทั่วไปที่มาติดต่อสั่งซื้อทางออนไลน์ จึงส่งสินค้าให้กับลูกค้าทางพัสดุโดยมีการปิดบังข้อมูลของผู้ส่งเพื่อให้ยากต่อการสืบสวนติดตาม โดยมีชาวจีนที่พักอาศัยอยู่ที่ประเทศจีนเป็นผู้ควบคุมและสั่งการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะได้สืบสวนขยายผลต่อไป และได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมายดังต่อไปนี้
1.ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบการค้าหรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุลามกหรือสิ่งลามก”
2.พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ประกอบกับ ประกาศคณะกรรมการกลาง ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการหน้ากากอนามัย มาตรา 25 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งปริมาณ สถานที่เก็บ ต้นทุน ค่าใช้จ่าย แผนการผลิต กระบวนการผลิต และวิธีการจำหน่ายสินค้าหรือบริการควบคุมต่อพนักงานเจ้าหน้าที่”
3.พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 มาตรา 15 ในความผิดฐาน “นำเข้าเครื่องมือแพทย์โดยไม่จดทะเบียนสถานประกอบการ”
4.พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 มาตรา 14 ในความผิดฐาน “ขายเครื่องสำอางที่มีได้จดแจ้ง”
5.พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 26/3 ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย”
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งมีหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนชาวไทย จะได้ดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรายอื่นเพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และขอสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ ไปยังประชาชนทั่วไป หากพบเบาะแสต้องสงสัยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวสามารถแจ้งมายัง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร.02-2527883-4 ถือเป็นการร่วมมือร่วมใจกันผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาดโควิด 19 ไปด้วยกัน
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน