นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.ปชป. ปูด รายงาน กมธ.วิสามัญสอบสร้างสภาฯ ใหม่ ส่อไม่สมบูรณ์ แฉ สภา หมกเม็ดไม่ให้ความร่วมมือ กมธ.ตรวจสอบ เอาคนผิดมาลงโทษ
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่มีนายอนันต์ ผลอำนวย เป็นประธาน กล่าวถึงปัญหาอุปสรรคในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ล่าช้าว่า ตนขอพูดในนามส่วนตัว ที่พบความผิดสังเกตในรายงานที่คณะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้ กำลังร่างเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่า อาจจะได้ผลไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรเนื่องจากไม่ได้ศึกษาปัญหาอุปสรรคครบถ้วน รอบด้าน ข้อมูลบางเรื่องไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงเท่าที่ตรวจสอบ จากข้อมูลที่เป็นเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาพบว่า การขอเอกสารรายชื่อคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่จากสภาผู้แทนราษฎร อาทิ คณะกรรมการที่ปรึกษาการก่อสร้างสภาฯ แห่งใหม่และคณะกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างสภาฯ แห่งใหม่ รวมถึงบันทึกการประชุมของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่เกือบ 10 คณะ ที่กรรมาธิการวิสามัญฯ ขอไป กลับไม่ได้ความร่วมมือจากสภาฯ เลย เพราะไม่ได้ทั้งรายชื่อคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่สภาฯ ตั้งขึ้น ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงบันทึกการประชุมของกรรมการแต่ละชุด ไม่ได้มาแม้แต่ชุดเดียว ทั้งที่เป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นโดยสภาผู้แทนราษฎรซึ่งกรรมการเหล่านี้บางคนบางคณะมีความเกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างระบบไอซีที ซึ่งแพงกว่าความเป็นจริงมาก จนถูกยกเลิกไป เป็นสาเหตุหนึ่งของความล่าช้าในการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เกินกำหนด
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า ปรากฏข้อเท็จจริงว่าคณะกรรมการที่สภาแต่งตั้งขึ้นบางคณะมีพฤติการณ์เข้าไปแทรกแซงการจัดซื้อจัดจ้างระบบไอซีทีซึ่งรวมหมายถึงการวางระบบ Wi-Fi ระบบอินเทอร์เน็ต การสื่อสาร การติดตั้งระบบลำโพง ไมโครโฟน และจอทีวีระบบดิจิทัล ระบบเครื่องเสียงภายในห้องประชุมและประชุมกรรมาธิการ รวมถึงระบบเครื่องเสียงลำโพงบริเวณภายในอาคารรัฐสภา เป็นต้น
ทั้งที่แต่เดิมมีการว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาระบบ และการติดตั้งระบบไอซีทีทั้งหมดในรัฐสภาฯ ใหม่ แต่กลับปรากฏว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาและเร่งรัดการก่อสร้างกลับเปลี่ยนแปลงให้ว่าจ้างบริษัทเอกชน มาทำการออกแบบแทน และต่อมามีการกำหนดราคาสินค้าแพงกว่าราคาจริงในท้องตลาด โดยเพิ่มจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 8,648 ล้านบาท จนเป็นที่มาของการยกเลิกโครงการนี้
โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งการเอง หลังจากเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยต่อสังคม โดยล่าสุดพบว่า มีการจัดซื้อจัดจ้างวางระบบไอซีทีในอาคารรัฐสภาฯ แห่งใหม่ ไปแล้วในวงเงิน 3,351 ล้านบาท แต่ที่น่าแปลกคือเมื่อพบว่า โครงการวางระบบไอซีทีในสภาฯ ใหม่ มีการส่อทุจริต แต่กลับไม่มีการติดตามสืบสาวต่อว่าใครเป็นผู้เกี่ยวข้องในเอื้อการทุจริต ทั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตรวจสอบการสร้างสภาฯ ใหม่เอง ก็ไม่ได้รับความร่วมมือในการส่งมอบเอกสารใดๆ เพื่อจะขยายผลติดตามตรวจสอบหาผู้กระทำความผิดหรือผู้เกี่ยวข้องได้เลย…..
———-