โลกออนไลน์ไม่สบายใจ ภาพนักท่องเที่ยวสาวต่างชาติ สวมใส่ชุดซีทรูบางเฉียบ มองทะลุเห็นข้างใน วอนทางวัดช่วยดูแลด้วย หลังปล่อยปละบ่อยครั้ง
สืบเนื่องจากวันนี้วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา มีชาวพุทธศาสนิกชนพลเมืองดีถ่ายคลิปและแชร์ลงโลกโซเชียล ภาพนักท่องเที่ยวสาวชาวต่างชาติแต่งกายวาบหวิว เป็นชุดแซกซี่ทรูบางเฉียบ จนสามารถมองเห็นชุดชั้นในทั้งบนและล่างได้อย่างชัดเจน
ภาพดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ภายใน วัดไชยธาราราม หรือ วัดฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นวัดชื่อดังของภาคใต้และที่ประชาชนคนภูเก็ตนับถือและถือเป็นวัดประจำจังหวัด อีกทั้งที่คนในพื้นที่ตลอดจนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างแวะเวียนมาสักการบูชาหรือขอพรกับรูปหล่อ-หุ่นขี่ผึ้งหลวงพ่อแช่ม-หลวงพ่อช่วง
โดยนักท่องเที่ยวสาวคนดังกล่าว ยังคงเดินไปมาไม่แยแสว่าใครจะมองเช่นไร ซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลความเรียบร้อยของวัดออกมาตรวจสอบ หรือคอยชี้แนะแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติว่า สิ่งใดควรทำและสิ่งใดไม่ควรปฏิบัติภายในวัดหรือเขตธรณีสงฆ์ จนทำให้พุทธศาสนิกชนเห็นว่าพฤติกรรมที่นักท่องเที่ยวสาวต่างชาติดังกล่าวไม่เหมาะสม
พร้อมกับตำหนิและวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขันสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในวัดให้เป็นไปตามความเหมาะสม เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของชาวพุทธและวัด ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาวัดดังกล่าว มักจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาถ่ายพรีเวดดิ้งอยู่เป็นประจำ และมักพบเห็นคนยืนโพสต์ภาพกอดจูบหรือแต่งกายไม่เหมาะสมบ่อยๆ
ล่าสุด วานนี้ เวลา 21.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท. ได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวดำเนินการในกรณีดังกล่าว โดยได้เชิญนักท่องเที่ยวตามภาพข่าว มัคคุเทศก์ที่นำนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวมาเที่ยว บริษัทนำเที่ยว และ นายชัยวัฒน์ ชัชเวช ไวยาวัจกรตัวแทนฝ่ายวัดไชยธาราราม หรือวัดฉลอง มาร่วมพูดคุยทำความเข้าใจถึงกาลเทศะ และการปฏิบัติตัวของนักท่องเที่ยวในบริเวณศาสนสถานและหาทางป้องกันเหตุขึ้นซ้ำอีก
ทั้งนี้ ตำรวจท่องเที่ยวได้ให้ความรู้เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทยและการแต่งกายในการเข้าไปภายในศาสนสถานแก่นักท่องเที่ยวคนดังกล่าว พร้อมทั้งอบรมตักเตือนให้ทราบว่าการกระทำที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องตามกาลเทศะ นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเข้าใจ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้กล่าวขอโทษตัวแทนเจ้าหน้าที่วัดไชยธาราราม และพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตถึงพฤติกรรมที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน ตนมิได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ ดูหมิ่นศาสนสถานอันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวภูเก็ต และชาวไทยแต่อย่างใด