ราคาน้ำมันในวันพุธ(10ส.ค.) ขยับลงราว 1 ดอลลาร์ หลังพบคลังเชื้อเพลิงสหรัฐฯสูงลิ่วและกำลังผลิตที่สูงเป็นประวัติการณ์ของซาอุดีอาระเบีย ปัจจัยนี้ฉุดวอลล์สตรีทปิดลบ ส่วนทองคำปรับขึ้น จากเงินอเมริกาอ่อนค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 93 เซนต์ ปิดที่ 44.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
กระทรวงพลังงานสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลคลังปิโตรเลียมรายสัปดาห์ในวันพุธ(10ส.ค.) ซึ่งพบว่าสต๊อกน้ำมันดิบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่ 523.6 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 0.2 เปอร์เซ็นต์ และสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 15 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกันความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาดของนักลงทุนยังถูกซ้ำเติมจากรายงานประจำเดือนของโอเปก ที่เผยว่าซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันเกือบๆ 10.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม สูงสุดเท่าที่เคยมีมา
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดแดนลบในวันพุธ(10.ส.ค.) หลังจากขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตลอดกาลช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ดาวโจนส์ ลดลง 37.39 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,495.66 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 6.25 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,175.49 จุด ส่วนแนสแดค ลดลง 20.89 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,204.59 จุด
เอ็กซอน โมบิลและเชฟรอน 2 สมาชิกดาวโจนส์ ปิดลบ 1.8 เปอร์เซ็นต์และ 1.2 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันขยับลง ขณะที่อีกด้านหนึ่ง แบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดลบ 2.5 เปอร์เซ็นต์ และ เวลส์ ฟาร์โก ปิดลบ 1.5 เปอร์เซ็นต์ ท่ามกลางข่าวลือว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปี 2016
ด้านราคาทองคำในวันพุธ(10ส.ค.) ฟื้นตัวเล็กน้อย ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังผิดหวังต่อข้อมูลผลผลิตของสหรัฐฯ โดยตลาดทองคำโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,351.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์