งานอภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ ครั้งที่ 15 ชูแนว “ซื้อได้เกินคุ้ม” ขนอสังหาฯ กว่า 30 โครงการเรียกลูกค้า แบงก์แข่งอัดโปรโมชั่นพิเศษดอกเบี้ย 0% ลดแลกแจกแถมเพียบ มองดอกเบี้ยต่ำเป็นโอกาสของผู้ซื้อ รับหนี้ครัวเรือนสูงกดดันการปล่อยสินเชื่อ
นายอลงกต บุญมาสุข เลขาธิการสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย เปิดเผยถึงการจัดงานอภิมหกรรมบ้าน-คอนโดฯ และสินเชื่อแห่งปี 2016 ครั้งที่ 15 ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคม และบริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ ว่า งานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ซื้อได้เกินคุ้ม” เป็นการรวบรวมโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 300 โครงการ มีทั้งบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม บ้านมือสอง บ้านเอ็นพีเอจากสถาบันการเงิน พร้อมโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านราคาพิเศษจำนวนมาก โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-21 สิงหาคม 2559 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิิติ์
สำหรับโปรโมชั่นพิเศษของสถาบันการเงินต่างๆ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เตรียมดอกเบี้ยพิเศษไม่เกิน 0.1% ต่อปี มาให้บริการ หรือธนาคารกรุงศรีอยุธยาเสนอดอกเบี้ย 0% เฉพาะงานนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีอัตราดอกเบี้ยราคาพิเศษซื้อบ้านใหม่และบ้านมือสอง ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์จะมีแคมเปญบอกรักแม่เดือนสิงหาคมนี้ มอบบัตรกำนัลโฮมโปรมูลค่า 1 หมื่นบาท และสินเชื่อบ้านเอ็นพีเอ ไทยพาณิชย์พร้อมอยู่พร้อมย้าย ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนลดซื้อเฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นฟอร์ม สูงสุด 40% เป็นต้น
นายอลงกตกล่าวว่า คาดช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นผู้ประกอบการอสังหาฯ เริ่มพัฒนาและเปิดตัวโครงการใหม่มากยิ่งขึ้น พร้อมมีการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุที่จะขยายตัวในอนาคตด้วย ขณะที่ดอกเบี้ยปัจจุบันยังไม่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสดีสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยช่วงปลายปีนี้ ส่วนแนวโน้มหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบ้าน ขณะนี้เริ่มนิ่ง จากที่ผ่านมามีการเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับสินเชื่อประเภทอื่นๆ ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนปีนี้ยังสูง ทำให้ธนาคารต้องระมัดระวังปล่อยสินเชื่อ คัดกรองลูกค้าใหม่ที่คุณภาพดี ขณะนี้มียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 50% จากช่วงที่ผ่านมา และส่วนหนึ่งปรับโครงสร้างหนี้ให้แก่ลูกค้าเดิม
ด้าน นายกิตติ พัฒนพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังจากการลงประชามติเรียบร้อยแล้วไม่แตกต่างจากที่ผ่านมามากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภาคอสังหาริมทรัพย์สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้อยู่ในระดับตกต่ำอย่างที่หลายฝ่ายกังวล แม้จะมีสัญญาณชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับที่อยู่อาศัยระดับกลางล้นตลาด ทำให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หันมาจับกลุ่มลูกค้าระดับบน สร้างที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์
“แม้กลุ่มไฮเอนด์จะมีอุปสงค์ไม่มากนัก แต่ลูกค้าที่มาซื้อก็เป็นความต้องการที่แท้จริงเพื่ออยู่อาศัย หรือ เรียลดีมานด์ ไม่ได้เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร ประกอบกับเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อยราย ช่วยส่งผลให้ผลประกอบการของผู้ประกอบการเป็นบวก” นายกิตติกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถาบันการเงินยังคงมีกระบวนการตรวจสอบและอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวด โดยพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งภาครัฐควรมีกฎหมายรองรับการประเมินราคาสินทรัพย์และที่อยู่อาศัยให้ถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้คาดว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้จะขยายตัวประมาณร้อยละ 4 ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เนื่องจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนทำให้ชะลอตัว สวนทางกับการพัฒนาทำเลที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าที่ขยายตัวต่อเนื่อง