25 มี.ค.2563 – ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีคำสั่งการถึงกำลังพลกองทัพบกว่า เพื่อนทหารร่วมชีวิตในกองทัพบกทุกนาย จากสถานการณ์ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 รวมถึงประเทศไทย ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อจำนวน 827 ราย เสียชีวิตแล้ว 4 ราย กระจายอยู่ใน 47 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ซึ่งในส่วนกองทัพบกมีกำลังพลที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัส โควิด-19 จำนวน 5 นาย กำลังพลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงและอยู่ระหว่างการกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 238 นาย ทั้งนี้กำลังพลของกองทัพบกดังกล่าวได้ให้ความร่วมมือในการกักตัวอยู่บ้านตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล และกองทัพบกได้มีระบบการติดตามตรวจสอบอย่างเข้มงวด
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า จากการที่รัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 มี.ค. 2563 โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ของรัฐบาล ในส่วนของกองทัพบกมีหน้าที่ในการเตรียมกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ และยุทโธปกรณ์ทุกประเภทสนับสนุนรัฐบาล และศอฉ. ของรัฐบาล แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 การเตรียมความพร้อมในเรื่องกำลังพลจึงมีความสำคัญสูงสุดในห้วงเวลานี้ ดังนั้นเพื่อให้การควบคุมพิทักษ์ และปกป้องกำลังพล และครอบครัวของกองทัพบกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอสั่งการให้ปฏิบัติตามคำสั่ง โดยมีผลการบังคับใช้กับกำลังพลในสังกัดกองทัพบกทุกนาย ดังนี้
1.กำลังพลที่พักอาศัยในบ้านพักของทางราชการให้หลีกเลี่ยงการออกนอกบริเวณโดยไม่จำเป็น ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาพักอาศัยโดยเด็ดขาดยกเว้นได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้บังคับบัญชาระดับผู้บังคับกองพันขึ้นไป และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการโรคระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ห้ามกลับเข้าบ้านพักของทางราชการเกินเวลา 21.00 น. หากมีความจำเป็นให้ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาเป็นรายบุคคลส่วนกำลังพลที่มีบ้านพักอาศัยส่วนตัวอยู่นอกหน่วย เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการการติดตาม และเฝ้าระวังให้แจ้งที่อยู่บ้านพักและช่องทางการติดต่อสื่อสารที่สามารถติดตามตัวได้ตลอดเวลา ส่วนหน่วยที่มีการฝึกร่วมกับมิตรประเทศในที่ตั้งให้ดำเนินการตามมาตรการนี้เช่นเดียวกัน ยกเว้นการฝึกนอกที่ตั้งให้ปฏิบัติตามตารางการฝึกและคำสั่งของกองทัพบก เรื่องมาตรการควบคุมโรคระบาด
2.การเดินทางออกนอกพื้นที่กทม. หรือจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่งให้กระทำได้ในเฉพาะกรณีเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง เช่น การเดินทางไปราชการ การสับเปลี่ยนกำลังของหน่วย หากไม่มีคำสั่งให้กำลังพลทุกระดับปฏิบัติหน้าที่ในที่ตั้งปกติ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. ถึงวันที่ 22 เม.ย. 2563 ยกเว้นการลากิจที่จำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินให้รายงานโดยตรงต่อผู้บังคับบัญชาของตนเองและผู้บังคับบัญชาจะต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วน และอนุมัติอย่างรวดเร็ว
3.ให้ผู้บังคับหน่วยหน่วยปรับปรุงอาคารสถานที่และสิ่งแวดล้อมภายในหน่วยให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น โรงยิมใต้ถุนกองร้อย สโมสรของหน่วยเพื่อลดความแออัดของกำลังพล และลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคให้กับกำลังพล และเพื่อกักบริเวณในการระวังผู้ที่กลับจากการลาพัก
4.ตามที่กองทัพบกได้สั่งการไปแล้วโดยให้หน่วยปรับเปลี่ยนระเบียบปฏิบัติประจำวัน เพื่อป้องกันโรคตามคำแนะนำขอให้หน่วยรักษาวินัยในเรื่องดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เช่น การอยู่ห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร มีอุปกรณ์ ภาชนะ กระติกน้ำดื่มส่วนตัว การกระจายที่นั่ง แบ่งผลัดรับประทานอาหารการออกกำลังกายกลางแจ้งกลางแดด กิจกรรมใดที่ต้องรวมพลพร้อมกันจำนวนมาก ให้พิจารณาแบ่งการปฏิบัติเป็นผลัดเพื่อลดความแออัด
5.งดการปล่อยลาพักของทหารกองประจำการเพื่อเป็นการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค จัดให้มีการเยี่ยมญาติสามารถปฏิบัติได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการการระวังป้องกันโรคระบาด เพื่อเป็นการพิทักษ์กำลังพล ส่วนน้องๆพลทหารฯ และกำลังพลทุกระดับที่ได้ลาพักไปแล้วเมื่อกลับมาขอให้หน่วยได้จัดสถานที่ให้อยู่ต่างหาก และกันตัวเองออกจากกำลังพลส่วนใหญ่เป็นเวลา 14วัน เพื่อเฝ้าสังเกตอาการ หากพบอาการป่วยให้ส่งตรวจรักษาทันที
6.ให้ทุกหน่วยพิจารณาจำกัดทางเข้า – ออกของหน่วย ส่วนกองร้อยกองรักษาการณ์ทุกหน่วยให้แปรสภาพเป็นเจ้าหน้าที่คัดกรองเฝ้าระวังบุคคลเข้าหน่วย โดยจัดหาอุปกรณ์วัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือตามจุดเข้า – ออก โดยกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่กองรักษาการณ์ให้ใส่หน้ากากทุกนาย และบันทึกการเข้า-ออกอย่างเคร่งครัด และ
7.ผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับกองพันจะต้องเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด และอยู่กับหน่วย ยกเว้นหน่วยในสนาม โดยมีผู้บังคับการกรม และผู้บัญชาการกองพล หรือเทียบเท่าเป็นผู้กำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง หากไม่กำกับการปฏิบัติหรือได้รับการรายงานถือว่าขัดคำสั่ง จะมีผลในการปรับย้ายทันที ทั้งนี้เพื่อเป็นการพิทักษ์กำลังพล และครอบครัวของกองทัพบก ผู้บังคับหน่วยทุกนายจะต้องทุ่มเทเสียสละดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะน้องๆ พลทหาร ซึ่งมีกำลังพลถึง 120,000 นาย ถือว่าเป็นกำลังสำคัญของกองทัพบก ทั้งนี้ให้ปฏิบัติตามคำสั่งทั้ง 7 ข้อ ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. 2563 ถึงวันที่ 23 เม.ย. 2563
“หากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ผมมีความห่วงใยต่อพลทหารกองประจำการที่กำลังจะปลดประจำการสิ้นเดือนเม.ย.2563 จึงขอเสนอทางเลือกให้สมัครเป็นทหารกองประจำการต่อโดยกองทัพบกจะพิจารณาโอกาสให้เป็นนักเรียนนายสิบ ส่วนพลทหารที่มีความประสงค์จะขอปลดประจำการในเดือนเม.ย.2563 ผมขอขอบคุณทุกคนที่ได้เข้ามาเป็นกำลังสำคัญในการรับใช้ประเทศชาติ และการช่วยเหลือประชาชนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สุดท้ายนี้ขอให้กำลังพลทุกนายติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพบก และศอฉ.ของรัฐบาลที่ได้สั่งการไปแล้วอย่างเคร่งครัดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการวางมาตรการเข้มข้น และเป็นแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขให้เฝ้าระวังสถานที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ค่ายทหาร เรือนจำฯลฯ เพราะหากมีการติดเชื้อจะนำไปสู่การแพร่กระจายในวงกว้าง นอกจากนั้นยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กองทัพบกหลังพบเอกสารการขอความร่วมมือจากหน่วยราชการแห่งหนึ่งเพื่อขอให้งดการจัดมวยรายการพิเศษที่เวทีลุมพินี แต่ก็ได้รับการอนุมัติให้จัดได้ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก.
ทีมข่าวเฉพาะกิจหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ