วันที่ 13 มีนาคม 2563 เวลา 09.30 น. : นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินหน้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เขตพญาไท สังกัดสำนักงาน กศน. กรุงเทพมหานคร พร้อมเยี่ยมชมการจัดหลักสูตรรู้เท่าทันป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของชุมชนอินทามระ 11 เพื่อขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้แก่คนทุกช่วงวัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมีนายปรเมศว์ ศิริรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กศน. กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางสาวจำนรรจา ขอบชิต ผู้อำนวยการ ศูนย์ กศน.เขตพญาไท ครู และบุคลากร ให้การต้อนรับ
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า การเดินทางไปราชการในทุกวันทุกพื้นที่ เพื่อต้องการไปให้เห็นสภาพการทำงานของคน กศน.จริง ๆ ที่จะสามารถมองเห็นปัญหา และเกิดความเข้าใจที่แท้จริง นำไปสู่การหาแนวทางอุดช่องว่างช่องโหว่ และปรับปรุงการทำงานของ กศน.ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ต่อการจัดการศึกษาเรียนรู้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายถ้วนทั่วทุกกลุ่ม ซึ่งการมาติดตามการทำงานของ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เขตพญาไท ถือเป็นหนึ่งใน 50 ศูนย์ กศน.ในสังกัดสำนักงาน กศน.กรุงเทพมหานคร และเป็นศูนย์แรกที่เดินทางมาเยือน
ซึ่งจากการรายงานผลการดำเนินงาน ต้องขอแสดงความชื่นชมในการนำนโยบาย กศน. WOW WOW ไปสู่การปฏิบัติ ด้วยความทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างดีเยี่ยม จนมีความก้าวหน้าในหลายส่วน ทั้งการพัฒนาครูให้ได้รับการอบรม Google Classroom,การจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้,การจัดกระบวนการเรียนรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และเทคโนโลยี เพื่อความยืดหยุ่นและหลากหลาย,การส่งเสริมการผลิตและพัฒนาอาชีพแก่ผู้พิการทางสายตา และจัดตั้ง กศน.แขวงสามเสนใน เป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับคนทุกช่วงวัย กศน. เป็นต้น ซึ่งผลงานต่างๆ เหล่านี้ สร้างความประทับใจให้กับรัฐมนตรีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการขับเคลื่อนการทำงานร่วมกับเครือข่ายและทุกภาคส่วน อาทิ กองพันทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ฯ,สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย,สภาวัฒนธรรมเขตพญาไท,วิทยาลัยอาชีวศึกษาดุสิตพณิชยการ ตลอดจนชุมชนต่างๆ ด้วย
โดยขอฝากให้ชาว กศน.ร่วมสร้างเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของครู กศน. ในการจัดการศึกษาด้วยความเชื่อมั่น เพื่อสร้างเอกลักษณ์และการยอมรับจากสังคม โดยส่วนตัวรัฐมนตรี เชื่อมั่นในน้ำมือและพลังของครู กศน.อยู่แล้ว ซึ่งมีผลงานเชิงประจักษ์ในหลายส่วน อาทิ ล่าสุด นายสรบรรณ ไกรนรา นักศึกษา กศน.ตำบลคลองฉนาก กศน.อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ผ่านการสอบและคัดเลือกบุคคลภายนอก เพื่อบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบประจำปี 2562 สาย 1 หน่วยสอบตำรวจภูธรภาค 8 เป็นลำดับที่ 1 และนักศึกษา กศน.อีก 4 คน,การสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน เป็นต้น ถือว่าเป็นอีกความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ และขอรักษาชื่อเสียงของชาว กศน.ไว้อย่างยั่งยืนต่อไป
และนอกจากศูนย์ กศน.เขตพญาไท จะพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการศึกษาต่อ และมีอาชีพ ของกลุ่มเป้าหมายทั้งบุคคลทั่วไป ทหารกองประจำการ และผู้พิการทางสายตา แล้ว ขอให้ช่วยปลูกฝังความรักและเทิดทูนในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยดึงผู้เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความเป็นพลเมือง ด้วยสื่อ เทคโนโลยี และวิธีการที่เข้ากับยุคสมัย เพื่อให้เกิดการซึมซับและเกิดความรู้สึกที่ออกมาจากภายในจิตใจ พร้อมเชื่อมโยงกับเครือข่ายการทำงาน ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพื่อจัดหลักสูตรที่สอดคล้องกับบริบทของสังคมยุคใหม่ อาทิ จัดทำดอกไม้ประดิษฐ์ “รวงผึ้ง” (ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10) สำหรับประดับตบแต่งในงานสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ, การจัดแสดงผลงาน ผลิตภัณฑ์ และสินค้า ภายใต้แบรนด์ OOCC “สุดยอด กศน.” และผลงาน สิ่งประดิษฐ์ของกลุ่มผู้พิการ, การจัดอบรมช่างภาพยุคดิจิทัล สอดรับกับความนิยมของคนไทยในปัจจุบัน เป็นต้น
“เมื่อมารับฟังปัญหาและติดตามการทำงาน ก็มีความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริม สนับสนุน เติมเต็มในสิ่งที่ขาดแคลนอย่างเต็มที่ ตามคำที่จะพูดเสมอว่า ต้องการจะทลายทุกข้อจำกัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ กศน. โดยในส่วนของศูนย์ฯ แห่งนี้ มีความต้องการด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และสื่อการเรียนการสอน ที่เพียงพอต่อจำนวนผู้เรียน และหลักสูตรการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและอาชีพตามความต้องการของประชาชน จึงขอให้เร่งสรุปประเด็นความต้องการทั้งหมดในภาพรวม พร้อมสำรวจรวบรวมข้อมูลและจำแนกประเภทของอาคารสถานที่ อุปกรณ์ และทรัพยากรต่าง ๆ อย่างชัดเจน ทั้งในส่วนที่ กศน.เป็นเจ้าของ และไม่ได้เป็นเจ้าของ เพื่อจะได้หาแนวทางผลักดันการสนับสนุนได้อย่างตรงจุดที่สุด” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
จากนั้น รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางต่อไปยังชุมชนอินทามระ 11 ซึ่งศูนย์ กศน.เขตพญาไท ได้จัดหลักสูตรรู้เท่าทันป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แก่ประชาชนในชุมชนอินทามระ11 ชุมชนเฉลิมราช ชุมชนอาเซียน และชุมชนลือชา พร้อมพบปะและเยี่ยมเยียนประชาชนอย่างเป็นกันเอง
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอแสดงความชื่นชมในความร่วมมือร่วมใจของทุกชุมชน ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาชุมชน ที่จะเกิดความเจริญก้าวหน้าต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งการจัดอบรมหลักสูตรรู้เท่าทันป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มิเพียงจะหวังจะป้องกันเชื้อไวรัสเพื่อรักษาสุขภาพเท่านั้น แต่ต้องการสร้างความรักความสามัคคีในชุมชนจากความร่วมไม้ร่วมมือ สร้างความอบอุ่นในครอบครัว ที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกหลาน และที่สำคัญ เป็นการฝึกทักษะชีวิตในการช่วยเหลือตัวเองของเด็กและเยาวชน ให้เย็บผ้าได้ ปะชุนเป็น และลดรายจ่ายในครัวเรือน
ทั้งนี้ ต้องขอแสดงความขอบคุณศูนย์ กศน.พญาไท และบุคลากร กศน.ทั้ง 16 คน ที่ตั้งใจทำงานหนักเพื่อประชาชนในพื้นที่นี้มาโดยตลอด และแม้จะทำงานท่ามกลางความขาดแคลนในหลาย ๆ เรื่อง แต่ผลงานและรอยยิ้มที่ทุกคนได้สร้างให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับประโยชน์ กว่า 7 หมื่นคน เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและหัวใจอันเป็นกุศล ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับตนเองและครอบครัว ตลอดจนกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีคนนี้ก็ยังจะยืนยันคำเดิมว่า ครู กศน.เป็นครูพันธุ์พิเศษ ที่มีความสามารถและหัวใจของผู้ให้การเรียนรู้แก่ประชาชนทุกคนอย่างแท้จริง
Cr.นวรัตน์ รามสูต: สรุป/เรียบเรียง
อิทธิพล รุ่งก่อน: ถ่ายภาพ
กลุ่มประชาสัมพันธ์ สร.ศธ.
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน