ไรซ์ วัย 49 ปี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ซึ่งเข้ารับตำแหน่ง
ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติให้กับโอบามาเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
ออกมายอมรับในวันอาทิตย์ (8) ระหว่างให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นโดยระบุ นอกจากรัฐบาลโอบามา
จะเป็นผู้จัดหา “ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม” รายใหญ่ที่สุดให้แก่ซีเรียแล้ว รัฐบาลชุดปัจจุบันของสหรัฐฯ
ยังเป็น ผู้สนับสนุนรายใหญ่ทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ต่อนักรบฝ่ายกบฏในซีเรียด้วยเช่นกัน
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลโอบามาได้มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้าน
รัฐบาลซีเรียไปแล้วมากกว่า 1,700 ล้านดอลลาร์ แต่นอกเหนือจากความช่วยเหลือทางด้านพลเรือนแล้ว
รัฐบาลของเรายังจัดหาความช่วยเหลือทางการทหารอย่างสำคัญต่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในซีเรียด้วย
เราจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าความเป็นไปในซีเรีย จะดำเนินไปในทิศทางที่สอดคล้องกับ
ผลประโยชน์ของอเมริกาและภูมิภาคตะวันออกกลางโดยรวม” ไรซ์กล่าวต่อซีเอ็นเอ็น
ท่าทีล่าสุดของไรซ์ ส่งผลให้เธอกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายแรกของรัฐบาลอเมริกัน ที่ออกมา
“ยอมรับความจริง” ว่ารัฐบาลโอบามาได้จัดหาความช่วยเหลือทางการทหารแก่ฝ่ายกบฏในซีเรีย
เพื่อใช้ในการทำสงครามโค่นล้มระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรีย
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯได้ยืนกรานมาโดยตลอดว่า รัฐบาลของเขา
จะจัดสรรความช่วยเหลือเฉพาะด้านมนุษยธรรมต่อฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรีย โดยจะไม่เข้าไป
ยุ่งเกี่ยวใดๆกับความช่วยเหลือทางทหาร
อย่างไรก็ดี การออกมาเปิดเผยต่อซีเอ็นเอ็นของที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในครั้งนี้
เท่ากับเป็นการยอมรับว่า ที่ผ่านมาโอบามาได้ “โกหกคำโต” ต่อสาธารณชนอเมริกัน
และสภาคองเกรสส์มาโดยตลอด
ทั้งนี้ ความขัดแย้งในซีเรียที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2011 และกลายเป็นสงคราม
กลางเมืองที่ยืดเยื้อเข้าสู่ขวบปีที่ 4ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 160,000 ราย
ขณะที่ชาวซีเรียอีกหลายล้านคนต้องกลายสภาพเป็นผู้ลี้ภัยทั้งในและนอกประเทศ