ผลสำรวจดังกล่าวพบข้อมูลว่า ในขณะนี้มีประชาชนชาวโคลอมเบียเพียงร้อยละ 39 เท่านั้นที่สนับสนุนข้อตกลงสันติภาพ ขณะที่ร้อยละ 50 ของกลุ่มตัวอย่างชาวโคลอมเบียยังคงคัดค้านการบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับ กองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย (FARC) ซึ่งจับอาวุธทำสงครามกองโจร กับรัฐบาลโบโกตามาตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1964 และได้ชื่อกลุ่มกบฏฝ่ายซ้ายที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ผลสำรวจความคิดเห็นที่ถูกเผยแพร่ออกมาล่าสุด ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับความพยายามของรัฐบาลโคลอมเบียภายใต้การนำของประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส ที่พยายามโน้มน้าวขอการสนับสนุนจากประชาชนในเรื่องนี้
รัฐบาลโคลอมเบียบรรลุข้อตกลงหยุดยิงถาวรกับกบฏ FARC เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในการเจรจาอันยาวนาน ที่มีรัฐบาลคิวบาทำหน้าที่เป็นคนกลางตั้งแต่ปี 2012 แต่ทว่าการบรรลุข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายนั้น จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนชาวโคลอมเบียผ่านกระบวนการ “ลงประชามติ” ที่กำลังจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนนับจากนี้ เสียก่อน
ทั้งนี้ มูลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสต่อต้านข้อตกลงสันติภาพฉบับนี้คือ ความไม่พอใจของประชาชนชาวโคลอมเบีย ที่รัฐบาลของตนยอมนิรโทษกรรมแก่นักรบของฝ่ายกบฏให้สามารถกลับเข้าสู่สังคมได้ในทันที โดยไม่ต้องชดใช้ความผิดใดๆ ที่เคยก่อไว้ในอดีต อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้บรรดาแกนนำฝ่ายกบฏสามารถกระโจนเข้าสู่สนามการเมืองได้อย่างเต็มภาคภูมิด้วยเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า แม้ประชาชนชาวโคลอมเบียส่วนใหญ่ จะรู้สึกยินดีต่อการปิดฉากลงของสงครามกลางเมืองภายในประเทศ ที่คร่าชีวิตผู้คนในประเทศนี้ไปแล้วมากกว่า 260,000 รายนับตั้งแต่ปี 1964 แต่ชาวโคลอมเบียจำนวนไม่น้อยกลับรู้สึกผิดหวังที่ประธานาธิบดีซานโตสของพวกเขา “อ่อนข้อ” ให้กับฝ่ายกบฏมากเกินไปในการเจรจาสันติภาพ โดยเฉพาะในประเด็นนิรโทษกรรม ซึ่งนี่ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้คะแนนนิยมของผู้นำโคลอมเบีย ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 25 จากการสำรวจล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา