วันนี้ (7 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่หน่วยออกเสียงที่ 12 บริเวณซอยประดิพัทธิ์ 5 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินมาใช้สิทธิลงประชามติ เป็นผู้ที่มีสิทธิตามบัญชีรายชื่อลำดับที่ 171 ขณะเดียวกัน ในหน่วยออกเสียงนี้มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนทั้งสิ้น 522 คน ทั้งนี้ชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิในการลงคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเมื่อวันที่ 26 ก.ค. จากยศ พล.ต.เป็นยศ พล.อ.
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังลงประชามติว่า ขอเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิหลายวันแล้ว ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติกันให้มากๆ เพราะเป็นอนาคตของประเทศไทย อย่าคิดว่ามาก็ได้ไม่มาก็ได้ เพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากลขอให้มากันอย่างถล่มทลาย อย่ากลัวฝน ยิ่งฝนตกก็ต้องมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณี น.ส.โสภิตา ธนสาร หรือน้องแนน อายุ 22 ปี คว้าเหรียญทองแรกให้ประเทศไทยในกีฬายกน้ำหนักรุ่น 48 กิโลกรัมหญิง ในกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล ว่าเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้ทราบข่าวนักกีฬาไทยคว้าเหรีญทองโอลิมปิก เมื่อนักกีฬากลับมาก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดูแลกันอย่างไร ฝากดีใจแทนคนที่ได้รางวัล เป็นการแสดงให้เห็นว่าคนไทยหากพยายามทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ และขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาประเทศไทย และนักกีฬาประเทศอื่นๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนไทยไม่ได้น้อยหน้าประเทศอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ได้มีหญิงสูงอายุส่งเสียงตะโกนใส่ว่า “ขอให้ท่านนายกฯ ปลอดภัย ขอให้รักษาประเทศไทยไว้ให้ได้” ทั้งนี้หญิงคนดังกล่าวเตรียมที่จะมายื่นจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีเรื่องการแก้ไขปัญหาประเทศชาติอย่างถูกต้อง แต่ไม่ทันได้ยื่นจดหมาย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับไปก่อน โดยจดหมายดังกล่าวระบุว่า “ศัตรูที่มองไม่เห็นขอให้สละเวลาสัก 1 ชั่วโมง เพื่อประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยทำตามขั้นตอนดังนี้ 1. ดูวีซีดี 34 นาที 2. อ่านเอกสารวันที่ 23 พ.ค. 2557 3. อ่านเอกสารยกเลิกระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ขอให้ท่านหยุดวงจรอุบาทว์คือ รัฐประหาร 2 ร่างรัฐธรรมนูญ และเลือกตั้งใหม่ โดยทำตามพระปฐมพระบรมราชโองการ”
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยมาเตรียมความพร้อมและอุปกรณ์เพื่อการลงประชามติ พร้อมทั้งอธิบายถึงขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย ให้สื่อมวลชนรับทราบก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนมาใช้สิทธิได้ตั้งแต่เวลา 08.00 เป็นต้นไป ท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนจากหลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศที่มาเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อการรายงานข่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กำลังในการดูแลตามปกติ ไม่ได้มีการเสริมกำลังอะไรเป็นพิเศษต่างจากหน่วยอื่นๆ