เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 7 ส.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุการฉีกบัตรออกเป็น 2 ส่วนขึ้นอีกรายซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับชายวัย 64 ปีในพื้นที่ สน.ทุ่งครุ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เหตุเกิดภายในหน่วยเลือกตั้งที่ 101 ภายในวัดศรีเอี่ยม ท้องที่ สน.บางนา โดยนางมลฤดี อ่ำสกุล อายุ 54 ปีอยู่บ้านเลขที่ 8 ซอยริมคลองเล็ด แขวง-เขตบางนา กทม. ได้ฉีกบัตรลงประชามติ หลังจากเข้าคูหากากบาทในช่องเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นได้ทำการฉีกบัตรเป็นสองส่วนเพื่อนำมาหย่อนใส่ตู้ แต่เจ้าหน้าที่ได้พบเห็นจึงชี้แจงทำความเข้าใจพร้อมแจ้งตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง ส่งต่อให้ ร.ต.อ.ภูมิ วัฒนาฤทธิ์ทอง ร้อยเวรสอบสวน สน.บางนา สอบปากคำต่อไปโดยเบื้องต้น เจ้าตัวระบุว่า ไม่มีเจตนาในการกระทำความผิดเหตุเพราะเข้าใจผิด เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่ออยู่ระหว่างสอบปากคำและรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยลงประชามติ
ด้านความเคลื่อนไหวในพื้นที่ สน.บางพลัด พบนายโสภณ ชูติมานนท์ อายุ 75 ปี ผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติ เขตบางพลัดได้กระทำการลักษณะเดียวกันกับบุคคลทั้ง 2 ข้างต้น โดยฉีกแบ่งบัตรลงคะแนนเสียงประชามติออกเป็นสองส่วน หลังจากกาเครื่องหมายกากบาทเรียบร้อยแล้ว เพราะเข้าใจผิดคิดว่าต้องฉีกออกเป็น 2 ส่วนแยกกัน เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยลงคะแนนประชามติได้นำตัวส่งชุดเคลื่อนที่เร็วประจำหน่วยส่งพนักงานสอบสวน สน.บางพลัดต่อไป เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาการกระทำผิดใดๆ
ชายวัย 75 ปีฉีกบัตรลงประชามติตามรอยปะ เหตุเข้าใจผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.30 น. วันที่ 7 ส.ค.59 ร.ต.อ.อรุณ มูลกิตติ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางพลัด รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยออกเสียงลงประชามติที่ 30 อาคารมิตซูบิชิ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 95/2 แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กทม. ว่า มีชายฉีกบัตรออกเสียงจึงนำกำลังไปตรวจสอบพบ นายโสภณ ชูติมานนท์ อายุ 75 ปี เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.บางพลัด
จากการสอบถามเบื้องต้นนายโสภณ ให้การว่า เดินทางมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติตามปกติ แต่เมื่อกากบาทออกเสียงแล้วได้ฉีกบัตรตามรอยปะที่แบ่งเป็นประเด็นที่ 1 และประเด็นที่ 2 ซึ่งตามความเป็นจริงไม่สามารถกระทำได้
ร.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า ได้นำเรื่องเรียนผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แล้ว มีคำสั่งที่ 460 ระบุว่า การกระทำดังกล่าวถือว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 59 ว่าด้วย ผู้ใดทำลายบัตรที่มีไว้สำหรับออกเสียงโดยไม่มีอำนาจที่จะทำได้ หรือจงใจกระทำใดๆ เพื่อให้บัตรออกเสียงชำรุด เสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท
อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำนายโสภณอย่างละเอียด