กองทัพเรือสหรัฐกำลังพิจารณาติดตั้ง อาวุธปล่อยนำวิถีทันสมัยหลายรุ่น บนเรือโจมตีชายฝั่ง หรือ Littoral Combat Ship ทั้งสองเวอร์ชั่น อาวุธทั้งหมดล้วนเป็นจรวดนำวิถี ที่มีระยะปฏิบัติการหลังเส้นขอบฟ้า (Beyond the Horizon) ซึ่งรวมทั้งจรวดยิงเรือ (Naval Strike Missile) ยุคใหม่รุ่นหนึ่ง อันเป็นผลงานการผลิตร่วมระหว่างกลุ่มบริษัทเรย์ธีออน และ บริษัทอาวุธชั้นนำแห่งประเทศนอร์เวย์
ในบรรดาเขี้ยวเล็บใหม่บนเรือรบขนาดเล็กที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐนี้ ยังรวมทั้งจรวดกริฟฟิน (Griffin Missile) รุ่นใหม่ ที่มีระยะยิงไกลกว่าระบบเดิมถึงสามเท่าตัว กับอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีเรือระยะไกล (Long-Range Anti-Ship Missile – LRASM) รูปทรง “สเตลธ์” อันเป็นอาวุธยิงเรือที่พัฒนารุ่นล่าสุด และ จะเป็นมาตรฐานใหม่บนเรือรบ กับเครื่องบินรบอีกหลายรุ่นของกองทัพอากาศ
นี่คือพัฒนาการใหม่สำหรับเรือรบขนาดเล็ก ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐสภาสหรัฐ รวมทั้งบรรดาสื่อกลาโหมของโลกตะวันตกมาหลายต่อหลายครั้งว่า “ไร้เขี้ยว” หรือ มีเขี้ยวเล็บไม่พอ ที่จะป้องกันตนเองได้ เมื่ออยู่ในน่านน้ำที่เป็นปรปักษ์ โดยไม่ต้องพูดถึงศักยภาพในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม และ การพัฒนาล่าสุดนี้ ยังมีขึ้นในปีที่เชื่อกันว่า กองทัพเรือสหรัฐ จะส่งเรือ LCS ทั้งสองชั้น-สองเวอร์ชั่น คือ ทั้ง Freedom-Class ซึ่งออกแบบเป็นเรือท้องแบน ใช้รหัสตัวเลขคี่ กับ Independence-Class ท้องกลวงทรงไทรมารัน (Trimaran) รหัสตัวเลขคู่ มาประจำการในย่านแปซิฟิกตะวันตกเป็นครั้งแรก
เรือ LCS ทั้งสองลำจะอยู่ภายใต้กองทัพเรือที่ 7 ครอบคลุมตั้งแต่ทะเลจีนตะวันออก ทะเลจีนใต้ไปจนถึงมหาสมุทรอินเดีย ปฏิบัติการร่วมกับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี (Aircraft Carrier Strike Group) ที่อาจจะมีพร้อมกัน 2 กองอีกครั้งหนึ่ง
ตามกำหนดการเมื่อปี 2557 ครั้งที่สหรัฐ ประกาศส่งเรือฟอร์ตเวิร์ธ (USS Forth Worth, LCS3) มาประจำการในย่านนี้ เป็นเวลา 1 ปีกับ 4 เดือนนั้น กองทัพเรือประกาศว่า ผลัดหน้าเรือฟรีดอม (USS Freedom, LCS1) ที่เคยมาประจำย่านนี้เป็นลำแรกเมื่อ 3 ปีก่อน จะกลับมาอีกครั้ง และ เมื่อเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 2 ลำ ก็โอกาสที่จะได้เห็นเรือคู่ขนานชั้นอินดีเพนเดนซ์ แล่นเข้าสู่ภูมิภาคเป็นครั้งแรก
เป็นไปได้มากที่สุด ที่สหรัฐจะส่งเรือโคโรนาโด (USS Coronado, LCS4) เข้าประจำในแปซิฟิกตะวันตก หลังเข้าร่วมการฝึก RIMPAC 2016 กับ 26 ประเทศพันธมิตร ที่สิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นชั้นใด เวอร์ชั่นไหน เรือ LCS กำลังจะกลับมา พร้อมระบบอาวุธที่ทันสมัย ทั้งอาวุธป้องกันการโจมตีทางอากาศ และ อาวุธโจมตีทั้งสงครามบนพื้นผิวน้ำ สงครามใต้น้ำ กับภารกิจกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจะทำให้เรือโจมตีชายฝั่ง ที่ถูกวิจารณ์ว่าอ่อนด้อย กลับเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ มาตรฐานเดียวกัน หรือ ใกล้เคียงกับเรือฟรีเกตเมื่อก่อนนี้ แต่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติเฉพาะ ที่ปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นได้ ซึ่งทั้งเรือรบแบบอื่นๆ ของกองทัพทำไม่ได้
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ระหว่างการฝึก RIMPAC 2016 เรือโคโรนาโด ได้เข้าร่วมการฝึกจมเรือที่เรียกว่า SINKEX ครั้งหนึ่ง โดยยิงด้วยจรวดฮาร์พูน (Harpoon) จากแท่นยิง ที่ติดตั้งบนดาดฟ้า อาวุธปล่อยนำวิถีพุ่งเข้าใส่เป้าหมายที่ห่างออกไปกว่า 100 กิโลเมตรอย่างแม่นยำ ซึ่งบ่งบอกว่าเรือชั้นอินดีเพนเดนซ์ทุกลำ พร้อมแล้วสำหรับเขี้ยวเล็บใหม่รุ่นนี้
ตามรายงานในเว็บไซต์กองทัพเรือสหรัฐ นั่นเป็นครั้งแรกที่มีการยิงจรวด RGM-84 จรวดยิงเรืออีกรุ่นหนึ่ง ที่สามารถยิงทำลายเป้าหมาย ที่อยู่หลังเส้นขอบฟ้า (คือมองไม่เห็นเป้าหมาย) ได้ และ ใช้กันแพร่หลายบนเรือรบของสหรัฐ กับชาติพันธมิตรนาโต้ รวมทั้งในราชนาวีไทยที่อยู่นอกกลุ่มด้วย
ก่อนหน้านั้นในปี 2557 กองทัพเรือสหรัฐ ประสบความสำเร็จในการทดลองใช้ อาวุธปล่อยนำวิถียิงเรือแบบคองส์เบิร์ก (Kongsberg-Raytheon) จากชั้นดาดฟ้าเรือโคโรนาโดลำเดียวกันนี้ ซึ่งเป็นการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ ของกองทัพเรือใหญ่ที่สุดในโลก และ เรากำลังพูดถึงอาวุธยิงเรือ (Naval Strike Missile) ที่ยิงได้ไกลที่สุด และ ก้าวหน้าที่สุดรุ่นหนึ่งของสหรัฐกับนาโต้
เรือโจมตีชายฝั่งก็เช่นเดียวกับเรือรบลำอื่นๆ ในสังกัดกองทัพเรือที่ 7 สหรัฐ ซึ่งแน่นอน– รวมทั้งเรือดำน้ำของกองทัพเรือที่ 7 ที่แล่นเข้าออกทะเลจีนใต้เป็นประจำ บางลำมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับเรือรบของจีนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเมื่อครั้งเรือ LCS3 “ฟอร์ตเวิร์ธ” แล่นเฉียด หมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ที่จีนอ้างความเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว
นั่นคือปฏิบัติการปรกติวันที่ 13 พ.ค.2558 เพื่อแสดงการไม่ยอมรับ การกล่าวอ้างของจีน และ ตอกย้ำสิทธิการเดินเรืออย่างเสรี ในน่านน้ำทะเลเปิดแห่งนี้ แต่เหตุการณ์ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ ครั้งนั้นเรือ LCS3 ต้องเผชิญกับเรือฟริเกตจีนลำหนึ่ง ที่ตามสะกดรอยอย่างใกล้ชิด ทุกย่างก้าว
กรณีนี้ทำให้เรือฟอร์ตเวิร์ธ ต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า “กฎการปฏิบัติในยามเผชิญหน้าอย่างไม่คาดคิด” (Code for Unplanned Encounters at Sea –CUES) “อย่างเป็นมืออาชีพ” อีกครั้งหนึ่ง นั่นคือ ประกาศแสดงเจตนา และ ยืนยันในสิทธิเดินเรือในน่านน้ำสากล โดยสื่อสารกับอีกฝ่ายหนึ่ง “อย่างนักเดินเรืออาชีพ”
เหตุการณ์แบบนี้ ยังไม่เคยเกิดขึ้นกับเรือพิฆาต เรือลาดตระเวณ กระทั่งเรือบรรทุกเครื่องบิน ที่แล่นเข้าออกทะเลจีนใต้เป็นระยะๆ มาตลอดหลายเดือนและหลายปี ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ซึ่งจีนประกาศอ้างการเป็นเจ้าของผืนน้ำกว่า 80% ของทั้งทะเลใหญ่ แต่เรือรบจีนไม่เคยเข้าใกล้ เรือรบที่น่าเกรงขามของฝ่ายสหรัฐ และ ในบางกรณีเพียงแต่แล่นติดตาม สังเกตุการณ์อยู่ห่างออกไป โดยไม่แสดงตัวเป็นปรปักษ์ อันเป็นวิถีปฏิบัติที่สามารถกระทำได้
แต่เรื่องที่ได้รับความสนใจมากกว่านั้น ในกรณีเรือฟอร์ตเวิร์ธก็คือ เวลาต่อมาสื่อออนไลน์ภาษาจีนหลายแห่ง ได้รายงานเหตุการณ์ บางแห่งซึ่งรวมทั้งเว่ยโป้ออนไลน์ (Weibo Online) เว็บไซต์สารพัดข่าว ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ได้สัมภาษณ์นายทหารเรือระดับสูงผู้หนึ่ง ที่ควบคุมน่านน้ำรอบๆ หมู่เกาะพิพาท ซึ่งระบุว่า “ถ้าหากเราจะจมเรือลำนั้น (ฟอร์ตเวิร์ธ) ก็เป็นเรื่องง่ายมาก…” (โปรดชมคลิปแรก- บนสุดอีกครั้ง)
สารพัดอาวุธปล่อยนำวิถี พร้อมจะติดตั้งบนเรือโจมตีชายฝั่ง ที่ประจำการทั้งหมด 6 ลำในขณะนี้ ทั้งจวดฮาร์พูน คองสเบิร์ก เฮลไฟร์ (ลอง-โบว์) กริฟฟิน ไปจนถึงอาวุธปล่อยนำวิถียิงเรือระยะไกล LRASM ยุคใหม่ในอนาคตอันไม่ไกล กองทัพเรือสหรัฐสั่งต่อเรือ LCS รวม 40 ลำ ลดลงจากลง 52 ลำตามแผนการดั้งเดิม และ จากที่ต่อออกมา “สองชั้น” สองแบบ อีก 2 ปีข้างหน้าจะพิจารณา ให้เหลือเพียงแบบเดียว.