วันที่ 20 ก.พ.63 เวลา 10.30 น.ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม.: พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พีรวัส บุญลอย ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบก.ตม.6,พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รอง ผบก.ตม.6รรท.ผกก.ตม.จ.สงขลา,พ.ต.ต.ชิติสรรค์ คงขำ สว.ตม.จ.ปัตตานี และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าว 3 คดีดังนี้ 1.ตม.สงขลา จับกุม 3 คนไทยแก๊ง Romance Scam รับจ้างต่างชาติเปิดบัญชีหลอกลวงคนไทย,2.ตม.ปัตตานี จับขบวนการนำพาเมียนมาไปประเทศที่สาม โดยใช้ Passport ปลอม 34 ราย และ3.สืบสวน ตม.6 รวบ 2 สาวลาว แฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เปิดรับงานไซด์ไลน์ค้าประเวณี
คดีที่ 1.พ.ต.อ.มานะฯ กล่าวว่า ชุดสืบสวน ตม.จ.สงขลา บูรณาการกับ ชุดเทคนิคและสืบสวน ศปอส.ตร. ลงพื้นที่หลังจากได้รับเบาะแสว่ามีขบวนการปลอมเป็นคนต่างชาติหน้าตาดี มาคุยตีสนิทกับหญิงไทยแล้วหลอกว่าจะส่งเงินจำนวนมากเพื่อมาใช้ชีวิตบั้นปลายในประเทศไทย ต่อมาจะมีกลุ่มคนไทยปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองโทรมาแจ้งว่ามีพัสดุดังกล่าวเข้ามาติดอยู่ที่สนามบินจริงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าภาษีและค่าดำเนินการต่างๆสูญเงินไปกว่า 4 ล้านบาท หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายว่าจ้างคนไทย (ม้ากดเงิน) นำบัตรเอ ที เอ็ม ของผู้รับจ้างเปิดบัญชี ตระเวนถอนเงินในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา
เจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุม นายอับดุลเลาะห์,นายอิบบาเฮง และนางอนุสรา พร้อมของกลางบัตรเอ ที เอ็ม ของผู้อื่นจำนวน 17 ใบ ขณะกำลังถอนเงินที่ได้จากการหลอกลวงผู้เสียหายจำนวน 120,000 บาท ที่ตู้ เอ ที เอ็ม แห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันมีไว้เพื่อใช้และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่ใช้กดเงินสด ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน จากการสอบถามทั้งหมดรับสารภาพว่าทำหน้าที่ถอนเงินตามคำสั่งของหญิงไทยซึ่งมีสามีเป็นชาวต่างชาติเพื่อส่งกลับไปให้ผู้ร่วมขบวนการที่ตั้งฐานอยู่ที่ต่างประเทศ ได้ค่าดำเนินการครั้งละ 200 บาท เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สะเดา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 พ.ต.ต.ชิติสรรค์ฯ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ตม.จ.ปัตตานี บูรณาการกับ กก.สส.2 บก.สส.จชต.,จนท.กก.6 บก.ปคม. ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังจากได้รับข่าวจากแหล่งข่าว (ขอปกปิดนาม) ว่าจะมีคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา น่าจะใช้หนังสือเดินทางปลอม และใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นเดินทางมากับรถโดยสารประจำทาง กรุงเทพฯ-สุไหง-โกลก
จากการตรวจสอบ พบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 34 คน ที่บริเวณลานจอดรถสถานีขนส่งจังหวัดปัตตานีขณะเดินทางมากับรถบัสโดยสาร กรุงเทพ–สุไหง-โกลก ป้ายทะเบียน 15-xxxx กทม (จำนวน 33 ราย) และ ป้ายทะเบียน 15-xxxx กทม (จำนวน 1 ราย) ซึ่งตรงกับที่แหล่งข่าว แจ้ง จึงเข้าทำการตรวจสอบบุคคลและขอตรวจสอบหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศตรวจคนเข้าเมืองไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) พบการกระทำความผิดดังนี้
1.มีและใช้รอยตราประทับปลอม,ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบฯ,หลบหนีเข้าเมือง 11 ราย
2.ปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอม,หลบหนีเข้าเมือง 5 ราย
3.ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่น,หลบหนีเข้าเมือง จำนวน 18 ราย
จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง พงส.สภ.เมืองปัตตานี และประสานทีมสหวิชาชีพ ทำการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ผลการตรวจสอบ บุคคลต่างด้าวทั้ง 34 ราย ไม่เข้าข่ายตกเป็นผู้เสียหายจากของการค้ามนุษย์ ตาม พรบ.ปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ผู้ถูกจับทั้ง 34 รายให้การในชั้นจับกุมว่า พวกตนเข้ามาประเทศไทยโดยลักลอบผ่านช่องทางธรรมชาติ บริเวณ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อไปทำงานยังประเทศมาเลเซีย ต่อมาได้เดินทางไปยังกรุงเทพฯ และได้โดยสารรถบัสประจำทาง กรุงเพทฯ สุไหงโก–ลก เพื่อไป อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.ปัตตานีจับกุมได้ที่ บขส.ปัตตานี
คดีที่ 3.เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.6 ได้สืบค้น รวบรวมข้อมูลการแจ้งที่พักของคนต่างด้าว ตาม ม.38 (พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ) จากระบบ BIOMETRICS พบข้อมูลการแจ้งที่พักของกลุ่มนักท่องเที่ยวหญิงสัญชาติลาวจำนวนหลายรายพักอาศัยอยู่รวมกันในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงได้ลงพื้นที่ออกสืบสวนหาข่าวพบว่าในช่วงเวลาประมาณ 22.00-03.00 น.มักจะมีกลุ่มหญิงลักษณะคล้ายคนลาว รวมกลุ่มกันอยู่หน้าบริเวณอาคารพาณิชย์ที่ดัดแปลงเป็นห้องเช่า บน ถ.นิพัทธ์อุทิศ 2 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ชุดสืบสวนจึงได้แฝงตัวเข้าไปตรวจสอบ พูดคุย โดยกลุ่มหญิงดังกล่าวได้พูดชักชวนว่า “เที่ยวไหมคะ 500 บาท พร้อมห้อง” ซึ่งจากสำเนียงการพูดของกลุ่มหญิงดังกล่าวเชื่อว่าไม่ใช่คนไทย เจ้าหน้าที่ฯจึงได้ทำการล่อซื้อหญิงในกลุ่มดังกล่าวจำนวน 2 ราย จากนั้นได้ติดตามขึ้นไปยังห้องพักในบริเวณดังกล่าว และเมื่อเจ้าหน้าที่ ที่แฝงตัวได้เห็นพฤติการณ์เป็นที่แน่ชัดแล้ว จึงส่งสัญญาณให้ชุดสนับสนุนเข้าแสดงตัวเพื่อทำการตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบพบ น.ส.พองสะหมุด สัญชาติลาว อายุ 24 ปี และ น.ส.ใหม่ สัญชาติลาว อายุ 28 ปี เข้ามาในราชอาณาจักรไทยเพื่อการท่องเที่ยว (ได้รับยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA) ประเภท ผผ.30)
ซึ่งจากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมหญิงลาวทั้ง 2 ในข้อหา “เตร็ดเตร่ค้าประเวณี และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มีนโยบายในการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรม ในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจัง และฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักอาศัยหรือประชาชนทั่วไป หากพบบุคคลต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในลักษณะต่างๆ หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โทร.1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน