ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เข้มงวดกวดขันและทำการเฝ้าระวังไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้เกิดปอดอักเสบ กำลังสร้างความหวั่นวิตกให้แก่ผู้คนทั่วโลก ซึ่งติดต่อได้อย่างรวดเร็วทางทางเดินหายใจและทางอากาศ ซึ่ง รัฐบาลมอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.),พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ชิงดวง ผบช.สตม. เข้มงวดกวดขันในการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่มาจากประเทศเป้าหมาย หรือสัญชาติเป้าหมาย โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข หรือแพทย์ตรวจคนเข้าเมืองในการช่วยกันตรวจ และสกัดกั้นบุคคลที่อาจจะต้องสงสัยเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงได้วางมาตรการต่อสู้กับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เพื่อเป็นการดูแลพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หลายมาตรการ ดังนี้
1.จัดตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์ เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (War Room) เป็นศูนย์บริหารเหตุการณ์ เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา มีหน้าที่ ติดตามสถานการณ์ของการแพร่ระบาดทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเฝ้าระวังข่าวการระบาดทางเว็บไซต์ต่างๆ ที่เป็นแหล่งข้อมูลทางการ หากเป็นข้อมูลสื่อสาธารณะ หรือข่าวสารทั่วไปที่อาจก่อให้เกิดความสับสน จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมีการประชุมทางไกลผ่านจอภาพร่วมกับหน่วยงานในสังกัด ทุกวัน ในเวลา 09.00 น. ห้วงเวลาการปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 263 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมี พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมี พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน
2.การติดตาม และตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยติดเชื้อในพื้นที่ความรับผิดชอบ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้สั่งการให้ ตม.ทุกจังหวด จัดชุดปฏิบัติการไปติดตาม ตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติจีนหรือสัญชาติอื่นๆ ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งอาจมีอาการบ่งชี้ว่าติดเชื้อ และพำนักอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีการประสานกับ หน่วยแพทย์กลุ่มภารกิจด้านการปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข ไปร่วมตรวจสอบด้วย และทำการประชาสัมพันธ์แจ้งเจ้าของที่พัก สถานประกอบการ ให้ช่วยสังเกตและดูแลคนต่างด้าวที่เข้าพักอาศัย หากพบว่ามีอาการน่าสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที โดยมีสถิติการออกตรวจสอบ ดังนี้
บก.ตม.1,บก.ตม.2,บก.ตม.3,บก.ตม.4,บก.ตม.5 และบก.ตม.6 รวม (ราย ) 183,1,231,201,6,133,284 และ2,038 สถิติการการเดินทาง เข้า-ออก สถิติการการเดินทาง เข้า-ออก สัญชาติ จีน ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.2562 ถึง ปัจจุบัน (6 ก.พ.63) ต้นทางการเดินทางจำนวน (คน) ประเทศจีน
1.เข้าประเทศ 1,004,067 คน
2.ออกนอกประเทศแล้ว 889,576 คน
3.ยังอยู่ในประเทศ 114,491 คน
อู่ฮั่น
1.เข้าประเทศ 23,933 คน
2.ออกนอกประเทศแล้ว 21,895
3.ยังอยู่ในประเทศ 2,038
กว่างโจว
1.เข้าประเทศ 103,944 คน
2.ออกนอกประเทศแล้ว 91,688 คน
3.ยังอยู่ในประเทศ 12,256 คน
เมืองอื่นๆ
1.เข้าประเทศ 876,190 คน
2.ออกนอกประเทศแล้ว 775,993 คน
3.ยังอยู่ในประเทศ 100,197 คน
3.ยกเว้นค่าปรับ กรณี อยู่เกินกำหนดอนุญาต สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองและปิดสนามบินในเมือง เมืองอู่ฮั่น เมืองหวงกัน และเมืองอี้โจว เป็นเหตุให้คนต่างด้าวที่เดินทางมาจากเมืองดังกล่าวไม่สามารถเดินทางกกลับไปยังเมืองต้นทางได้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ยกเว้นไม่ทำการเปรียบเทียบปรับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (OVER STAY) เฉพาะคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ส่วนผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เดินทางมาจากเมืองอื่นและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว หากไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ให้ติดต่อขอหนังสือรับรองจากสถานทูตจีนในประเทศไทย รับรองว่ามีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในประเทศไทยอีก และหากได้รับหนังสือรับรองจากสถานทูตจีนประจำประเทศไทย คนต่างด้าวสามารถอยู่ต่อได้อีกไม่เกินครั้งละ 30 วัน ซึ่งมีผู้ที่ขอหนังสือจากสถานทูตมายื่นขออยู่ต่อที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบ้างแล้ว
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน