พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.มีความห่วงใยในความทุกข์ของชาวจีนและผู้ได้รับผลกระทบในไทย โดยออกคำสั่งรองรับช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวจีนและส่วนที่อาจเกี่ยวข้องอื่นๆที่มีผลกระทบต่อการกลับประเทศจีนทั้งในเรื่องค่าปรับในการอยู่ไทยเกินวันกำหนดและการขอขยายอยู่ต่อในไทยที่จำเป็นและเดือดร้อนโดยตรง แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของคำสั่ง สตม.ที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 5 ก.พ.63 พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.สตม.ในฐานะโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล,พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี,พ.ต.อ.หญิง เอกอาภา ตันศิริ รอง โฆษก สตม.,พ.ต.อ.หญิง ทิพวรรณ โยมา เลขานุการ กองงานโฆษก สตม. และ พ.ต.ท.หญิง พัชรี ศรีเผือก ผู้ช่วยเลขานุการ กองงานโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า ทาง พลตำรวจโท สมพงษ์ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ลงนามในคำสั่ง 0029.161/258 ลง24 มค.2563 เรื่องแนวทางการปฏิบัติที่คนต่างด้าวที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น และหนังสือคำสั่งที่ 0029.161/ว.303 ลง 29 ม.ค.63 เรื่องแนวทางการปฎิบัติการอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติจีนขออยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวในระหว่างที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่
โดยในส่วนของ สตม.ได้มีการยกเว้นค่าปรับ กรณี อยู่เกิน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองและปิดสนามบินในเมือง เมืองอู่ฮั่น,เมืองหวงกัน และเมืองอี้โจว เป็นเหตุให้คนต่างด้าวที่เดินทางมาจากเมืองดังกล่าวไม่สามารถเดินทางกกลับไปยังเมืองต้นทางได้ สำนักงานตำรวจคนเข้าเมือง ได้ยกเว้นไม่ทำการเปรียบเทียบปรับการอยู่เกินกำหนดอนุญาต (OVER Stay) เฉพาะคนต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางกลับออกไปนอกราชอาณาจักร
ส่วนผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เดินทางมาจากเมืองอื่นและได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว หากไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ให้ติดต่อขอหนังสือรับรองจากสถานทูตจีนในประเทศไทย รับรองว่ามีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในประเทศไทยอีก และหากได้รับหนังสือรับรองจากสถานทูตจีนประจำประเทศไทย คนต่างด้าวสามารถอยู่ต่อได้อีกไม่เกินครั้งละ 30 วัน ซึ่งก็มีผู้ที่ขอหนังสือจากสถานทูตฯ มายื่นขออยู่ต่อที่สตม.แล้ว ขณะนี้มีคนจีนที่อยู่ในประเทศไทยประมาณแสนกว่าคนเฉพาะที่มาจากเมืองอู่ฮั่น 1,200 กว่าคนเท่านั้น
เพื่อเป็นการ ดับเบิ้ลเช็ค ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้เข้มงวดกวดขันและทำการเฝ้าระวังไวรัส โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้เกิดปอดอักเสบ กำลังสร้างความหวั่นวิตกให้แก่ผู้คนทั่วโลก ซึ่งติดต่อได้อย่างรวดเร็วทางเดินหายใจและทางอากาศ ซึ่ง รัฐบาลมอบหมายให้ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานงาน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.,พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. เข้มงวดกวดขันในการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่มาจากประเทศเป้าหมาย หรือสัญชาติเป้าหมาย โดยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยท่าน ผบช. สตม. สั่งการให้ ตม.พื้นที่ ประสานงานการทำงานกับเจ้าน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูลผู้ที่เดินทางมาพร้อมกับ ที่มีที่นั่งบริเวณใกล้เคียงกับ ผู้ป่วยที่เป็นโคโรน่า โดยเช็คข้อมูลจากใบ ตม.6 ว่าพักที่ไหนแล้วเดินทางไปพร้อมกับทีมสาธารณสุข เข้าไปตรวจสอบว่าผู้โดยสารที่นั่งบริเวณใกล้เคียงกับผู้ป่วย ยังปลอดภัยดีหรือไม่ ไม่มีอาการป่วย หรือติดเชื้อโคโรน่า หรือไม่
ทางด้าน พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง โฆษก สตม. กล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า หากผู้ใดสงสัยในรายละเอียดสามารถสอบถามได้ที่ตรวจคนเข้าเมืองทุกจังหวัดที่มีที่ทำการอยู่ในพื้นที่ หรือทุกจุดที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอยู่ โดยทั้งนี้เป็นไปตามนโยบาย ของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พรชัย ขันตี,พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย,พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ,พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ปฎิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด.ปฎิบัติราชการ สตม. ทีสั่งการให้ความช่วยเหลือดูแลภายใต้แนวทาง ความมั่นควบคู่การบริการ และอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่ให้อำนาจและกำหนดไว้ และในหลักของมนุษยธรรม ช่วยเหลือเพื่อนต่างชาติในกำลังได้รับความทุกข์และเดือดร้อนจากโรคดังกล่าว หรือสายด่วน สตม.1178 หรือเข้าเวปไซต์ สตม. www.immigration.go.th ได้ทันที
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน