วันที่ 30 ม.ค.63 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมมหาเมฆ ชั้น 4 อาคาร 1 สตม.(สวนพลู) สาธร กทม. : พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป.ปฏิบัติราชการ สตม.,พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5,พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.ตม.จ.ตาก ร่วมแถลงข่าว ผลการจับกุมชาวจีน 4 ราย หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อเดินทางไปยังประเทศเมียนมา ทางชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ทำการปลอมหนังสือเดินทาง โดยการตัดต่อหน้า biodata
พ.ต.อ.สังคมฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563 เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่จุดตรวจร่วมบ้านห้วยหินฝน ตม.จ.ตาก ได้ทำการตรวจสอบการเดินทางของบุคคคลต่างด้าว พบ นายอำนาจ หรือบอล ผู้ถูกจับที่ 1 ขับรถตู้โดยสารไม่ประจำทาง หมายเลขทะเบียน 36-0141 ชลบุรี มุ่งหน้าเข้า อ.แม่สอด จ.ตาก ถึงจุดตรวจร่วมบ้านห้วยหินฝนชุดจับกุมได้แสดงตัวและขอตรวจค้นโดยแสดงความบริสุทธิ์ทุกนาย พบผู้โดยสารชาวจีนนั่งโดยสารมา จึงขอตรวจหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง จากการตรวจสอบพบว่า
MR.CHEN (นายเฉิน) ผู้ถูกจับที่ 2 ได้นำสำเนาหนังสือเดินทาง ประเทศจีน เป็นของ MR.CAO (นายเฉา) แต่ตัดต่อภาพตนเองแทนใบหน้าเจ้าของเดิมแล้วใช้หลักฐานที่ถ่ายเอกสารแล้ว แสดงกับเจ้าหน้าที่ สอบถามให้การว่าไม่เคยทำหนังสือเดินทางมาก่อน ได้นั่งรถยนต์จากประเทศจีน เข้ามาประเทศกัมพูชา แล้วลักลอบข้ามมาประเทศไทย เพียง 1 วัน พบกับ MR.MAO (นายเหมา) ถูกชักชวนให้มาทำงานที่ประเทศเมียนมา โดยตกลงจ่ายค่าเดินทาง จำนวน 8,000–10,000 หยวน ได้มอบรูปถ่ายของตนเองให้เพื่อใช้ติดไว้ที่หน้าหนังสือเดินทางของใครไม่ทราบเพื่อนำมาใช้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหมายเลขหนังสือเดินทางดังกล่าว เจ้าของหนังสือเดินทางตัวจริงเดินทางออกนอกราชอาณาจักรแล้วเมื่อ 27/12/2019
MR.LONG (หลง) ผู้ถูกจับที่ 3 ได้นำสำเนาหนังสือเดินทาง ประเทศจีน เป็นของ MR.MAO (นายเหมา) แต่ตัดต่อภาพตนเองแทนใบหน้าเจ้าของเดิมแล้วใช้หลักฐานที่ถ่ายเอกสารแล้ว แสดงกับเจ้าหน้าที่สอบถามให้การว่าเดินทางมาจากประเทศจีน โดยนั่งรถยนต์เข้าประเทศกัมพูชา แล้วลับกลอบเข้ามาประเทศไทย อยู่ 1 วัน มาพบกับ MR.MAO (นายเหมา) ชักชวนให้มาทำงานที่ประเทศเมียนมา และจะต้องจ่ายค่าหัวในการเดินทางครั้งนี้ จำนวน 8,000–10,000 หยวน ได้มอบรูปถ่ายของตนเองให้เพื่อใช้ติดไว้ที่หน้าหนังสือเดินทางของ MR.MAO (นายเหมา) เพื่อนำมาใช้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหมายเลขหนังสือเดินทางดังกล่าวแล้วพบว่า เดินเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 30/12/2019 ครบกำหนด 13/01/2020 โดยวีซ่านักท่องเที่ยว 15 วัน
MR.LI (นายหลี) ถูกจับที่ 4 ได้นำสำเนาหนังสือเดินทางประเทศจีน เป็นของ MR.ZENG (นายเจิง) แต่ตัดต่อภาพตนเองแทนใบหน้าเจ้าของเดิมแล้วใช้หลักฐานที่ถ่ายเอกสารแล้ว แสดงกับเจ้าหน้าที่ สอบถามให้การว่าไม่เคยทำหนังสือเดินทางมาก่อน ได้นั่งรถยนต์จากประเทศจีน เข้ามาประเทศกัมพูชา แล้วลักลอบข้ามมาประเทศไทย เพียง 1 วัน พบกับ MR.MAO (นายเหมา) ถูกชักชวนให้มาทำงานที่ประเทศเมียนมา โดยตกลงจ่ายค่าเดินทาง จำนวน 8,000–10,000 หยวน ได้มอบรูปถ่ายของตนเองให้เพื่อใช้ติดไว้ที่หน้าหนังสือเดินทางของใครไม่ทราบเพื่อนำมาใช้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหมายเลขหนังสือเดินทางดังกล่าว และไม่พบข้อมูลการเดินทาง
MR.LIN (นายหลิน) ผู้ถูกจับที่ 5 ได้นำสำเนาหนังสือเดินทาง ประเทศจีน เป็นของ MR.WANG (นายหวาง) แต่ตัดต่อภาพตนเองแทนใบหน้าเจ้าของเดิมแล้วใช้หลักฐานที่ถ่ายเอกสารแล้วแสดงกับเจ้าหน้าที่สอบถามให้การว่าไม่เคยทำหนังสือเดินทางมาก่อน ได้นั่งรถยนต์จากประเทศจีน เข้ามาประเทศกัมพูชา แล้วลักลอบข้ามมาประเทศไทย เพียง 1 วัน พบกับ MR.MAO (นายเหมา) ถูกชักชวนให้มาทำงานที่ประเทศเมียนมา โดยตกลงจ่ายค่าเดินทาง จำนวน 8,000–10,000 หยวน ได้มอบรูปถ่ายของตนเองให้เพื่อใช้ติดไว้ที่หน้าหนังสือเดินทางของใครไม่ทราบเพื่อนำมาใช้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหมายเลขหนังสือเดินทางดังกล่าว และไม่พบข้อมูลการเดินทาง
สอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การว่ารับผู้ถูกจับที่ 2-5 จากตลาดโรงเกลือ โดยมีคนจีนไม่ทราบชื่อจริง ผู้ถูกจับที่ 1 เรียกว่า “เฮีย” ใช้โทรศัพท์หมายเลข 080-4783XXX โทรเข้ามาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ช่วงเวลา 16.17 น. แจ้งว่าให้มารับลูกค้าซึ่งเป็นคนจีน เพื่อพามาส่งที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ในราคาว่าจ้าง 9,000 บาท เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าผู้ถูกจับที่ 3 ใช้หนังสือเดินทางของคนที่ติดต่องานที่เรียกว่า “เฮีย” เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำภาพสำเนาหนังสือเดินทางของ MR.MAO (นายเหมา ตัวจริงให้ผู้ถูกจับที่ 1 ดูแล้วจดจำหน้าได้ และสามารถยืนยันว่าเป็นผู้ว่าจ้างจริง และขอยืนยันตามสำเนาหนังสือเดินทาง MR.MAO (นายเหมา)
จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับที่ 1 ทราบว่า “ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522” และผู้ถูกจับที่ 2-5 ผ่านล่ามแปลภาษา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต , ปลอมหรือใช้หนังสือเดินทางปลอม” โดยผู้ถูกจับที่ 1-5 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ตรวจยึดของกลาง รถตู้โดยสาร 1 คัน และสำเนาหนังสือเดินทางที่ผู้ถูกจับนำมาแสดง 4 ชุด และควบคุมตัวผู้ถูกจับทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด จว.ตาก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของ MR.MAO (นายเหมา) สอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ยืนยันว่าเป็นผู้ว่าจ้างและนำตัวผู้ถูกจับที่ 2-5 มาส่งให้ที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จว.สระแก้ว มาส่งที่ อ.แม่สอด จว.ตาก สอบถามผู้ถูกจับที่ 2-5 ยืนยันตรงกันว่าเป็นคนจัดการเรื่องทำเอกสารปลอมให้กับผู้ถูกจับที่ 2-5 และเป็นคนเรียกเก็บเงินค่าเดินทางจากผู้ถูกจับที่ 2-5 ตามที่ให้การกับชุดจับกุมดังกล่าวข้างต้น จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมตรวจพบ และจับกุมแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมยึดของกลาง โดยผู้จับกุมให้ดูภาพถ่ายในหน้าหนังสือเดินทางที่ถูกตรวจยึดจากผู้ถูกจับที่ 3 ยึดเป็นของกลางลำดับที่ 3 ทุกคนชี้และยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขอ ร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ทำการสืบสวนสอบสวน นำตัว MR.MAO (นายเหมา ) มาดำเนินคดี โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522,ร่วมกันปลอมหรือใช้หนังสือเดินทางปลอม ในส่วน ตม.จ.ตาก ได้ดำเนินการดำเนินการเพิกถอน VISA MR.MAO (นายเหมา) ต่อไป
พ.ต.อ.สังคมฯ ขอฝากให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน