วันที่ 26 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโรงพยาบาลหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ได้รับตัวผู้ป่วยชาย 1 ราย ที่สงสัยว่าอาจจะติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือ อู๋ฮั่น เมื่อทีมแพทย์ พยาบาล ได้ทำการซักประวัติทราบว่าผู้ป่วยเดินทางไปประชุมที่เมืองเซินเจิ้นและเมืองเซี่ยเหมิน ประเทศจีนระหว่างวันที่ 13 – 15 มกราคม 2563 โดยออกจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563และเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 15 มกราคม 2563 โดยหลังจากกลับจากประเทศจีน 9 วัน คือวันที่ 24 มกราคม 2563 มีอาการป่วย มีน้ำมูกเสมหะปวดศีรษะ ซึ่งมีไข้สูงถึง 38.6 องศา วันที่ 25 มกราคม ได้เดินทางมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหล่มสักและทางแพทย์ขอให้ ผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพื่อสังเกตอาการและเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ พร้อมทั้งได้ประสาน โรงพยาบาลสุขภาพตำบลบ้านโสกอำเภอหล่มสักซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของผู้ป่วยรายดังกล่าวพร้อมค้นหาผู้ต้องสงสัยเพิ่มจากผู้สัมผัสบ้านของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยเพื่อให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
โดยนายแพทย์ศักรินทร์ ธนเกียรติสกุล ผอ.รพ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่าขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยไวรัสอู่ฮั่น โดยก่อนหน้านี้2-3วันได้พบผู้ป่วย 1 ราย เข้ารับการรักษาตัวโดยมีอาการไข้หวัด โดยก่อนหน้านี้มีประวัติของผู้ป่วยเดินทางไปประเทศจีนมหานครเซินเจิ้น ภายหลังผู้ป่วยเข้ารับการตรวจละเอียดเบื้องต้นผลการตรวจเป็นลบไม่พบเชื้ออู่ฮั่น อย่างไรก็ตามเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ได้กันผู้ป่วยรายนี้เข้ารับรักษาตัวและคัดกรองในห้องพิเศษแยกจากผู้ป่วยทั่วไป เพื่อติดตามตรวจสอบดูอาการโดยล่าสุดได้ส่งเชื้อให้ทางศูนย์ฯจังหวัดพิษณุโลกตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง หากผลการตรวจเลือดจากศูนย์ตรวจเลือดแลปจังหวัดพิษณุโลกหากผลการตรวจสอบยืนยันว่าไม่พบเชื้อไข้หวัดอู่ฮั่น จะแจ้งให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบโดยเร็วอีกครั้งหนึ่ง จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกให้รอผลการตรวจสอบจากทางราชการก่อนหากพบมีการติดเชื้อจริงจะจัดให้มีการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างแน่นอน
ล่าสุดโรงพยาบาลหล่มสักได้ชี้แจงผ่านเฟสบุคโรงพยาบาลมีข้อความว่า “เรียนชี้แจงกรณีกระแสข่าว “พบผู้ป่วยมีอาการคล้ายติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น”นั้น ทางโรงพยาบาลหล่มสักขอเรียนให้ทราบว่า ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลใดๆ ว่ามีผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสอู่ฮั่นในเขตอำเภอหล่มสัก โดยผู้ป่วยมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศจีน วันที่ 15 ม.ค.63 มารับการรักษาที่โรงพยาบาลหล่มสักเมื่อวันที่25 ม.ค.63 ด้วยอาการไข้ ไอปวดศรีษะ มีน้ำมูก และเนื่องจากช่วงนี้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ต้องมีการปฏิบัติตามflow ของการควบคุมโรค คือต้องรับไว้สังเกตอาการในห้องแยก โดยต้องแยกออกจากผู้ป่วยทั่วไป และส่งตรวจเชื้อในลำคอทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัย ผลการตรวจทดสอบเบื้องต้นเชื้อในลำคอ( แบบRapid ) ของผู้ป่วยรายนี้ผลเป็นลบ( negative) แต่ต้องส่งตรวจละเอียดเพื่อยืนยันผลอีกทีจาก สคร.เขต 2 ที่พิษณุโลก ชึ่งจะส่งไปได้ในวันจันทร์ที่ 27ม.ค.63 และจะทราบผลยืนยันประมาณวันพุธที่ 29 ม.ค.63 นี้ โดยก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยมีประวัติเดินทางไปประเทศจีนมหานครเซินเจิ้น และผู้ป่วยไม่ได้กินค้างคาวอย่างที่มีการเสนอหรือเผยแพร่ข่าวแต่ประการใด หากทราบผลตรวจอย่างเป็นทางการ ทางผู้บริหารโรงพยาบาลจะแจ้งให้ทราบโดยเร็วอีกครั้งหนึ่ง จึงขอประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง และขอความกรุณาในการแชร์ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ป่วยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ ต.บ้านโสกพบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มรู้กันหมดแล้วว่ามีคนในหมู่บ้านถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ไม่ได้กังวลอะไรมาก เนื่องยังไม่ทราบว่าเป็นป่วยเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่และเชื่อมั่นว่าโรงพยาบาลคงจะดูแลผู้ป่วยรายนี้อย่างดีแน่นอน
ชัยกฤต คล้ายแก้ว