ผู้เชี่ยวชาญจากแคนาดาเสนอทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับการตกของเที่ยวบิน MH370 ว่าจากหลักฐานชิ้นส่วนที่พบ เป็นไปได้ว่ามีผู้จงใจบังคับให้เครื่องบินร่อนลงสู่ทะเล
นายแลรี แวนซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบสวนเครื่องบินตกของแคนาดา ซึ่งมีประสบการณ์ทำคดีเครื่องบินตกมากว่า 200 คดี กับคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการบินของแคนาดา เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์ของออสเตรเลีย ว่าจากรอยฉีกขาดที่พบบนชิ้นส่วนปีกเครื่องบินที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ซึ่งหายสาบสูญไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2014 บ่งชี้ว่าเครื่องบินถูกบังคับให้ร่อนลงสู่ทะเลจนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ และเกิดจากคนบังคับ ไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ เนื่องจากชิ้นส่วนบริเวณปีกที่เรียกว่า แฟลเพอรอน ถูกกางออกมาสำหรับการลงจอด ซึ่งการกางปีกส่วนนี้ต้องใช้คนสั่งการเท่านั้น
การเสนอทฤษฎีใหม่ดังกล่าวเป็นการสนับสนุนข้อสันนิษฐานที่ว่านักบินของเที่ยวบิน MH370 จงใจบินออกนอกเส้นทางและทำให้ครื่องบินตก อย่างไรก็ตาม นายแวนซ์เพียงสรุปว่าผู้ที่บังคับเครื่องบินเป็นคน ไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้บังคับเครื่องบินเป็นนักบินจริงหรือไม่ และนักบินจงใจนำเครื่องร่อนลงทะเล หรือเป็นการพยายามนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินเนื่องจากสถานการณ์บังคับ
นายแวนซ์ยังมองว่า สาเหตุที่ยังไม่พบซากเครื่องบิน อาจเป็นเพราะเครื่องบินระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลังกระแทกผืนน้ำ จนไม่เหลือชิ้นส่วนใหญ่พอที่จะหาพบได้ง่าย เช่นกันเดียวกับกรณีเครื่องบินสวิสแอร์ เที่ยวบิน 111 ตกที่แคนาดาในปี 1998 ที่แรงกระแทกทำให้เครื่องบินแตกเป็นกว่า 2 ล้านชิ้น ไม่พบชิ้นส่วนขนาดใหญ่เลย
ที่ผ่านมา ทีมค้นหาของออสเตรเลีย มาเลเซียและจีนกำหนดพื้นที่ค้นหาบนสมมติฐานว่า เครื่องบินอยู่ในโหมดบินอัตโนมัติก่อนจะตกลงในมหาสมุทรอินเดีย แต่หากทฤษฎีใหม่เกี่ยวกับการตกของเที่ยวบิน MH370 เป็นจริง คือมีคนบังคับเครื่องบินในนาทีสุดท้ายของการบิน ไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ ทีมสอบสวนของฝรั่งเศสก็มองว่า มีความเป็นไปได้ว่า จุดที่เครื่องบินตกอาจอยู่ไกลจากพื้นที่ค้นหาปัจจุบันออกไปอีก