จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Kulniti Srisumrarn โพสต์คลิปการเกิดเหตุทะเลาะกันภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมระบุว่า “เมื่อวาน มีเรื่องอาม่าไปนั่งเฝ้าหลาน แล้วคุยโทรศัพท์เสียงดัง รบกวนเด็กกับผู้ปกครอง เขาติวหนังสือกัน มีผู้ปกครองบ่นว่าพูดดัง อาม่าหันไปด่ากราด จากนั้น นักเรียนชายได้หันไปว่าอาม่า ว่า “ที่นี่โรงเรียน อย่ามาทำเสียงดัง” ทำให้อาม่าเดินเข้ามาตบหน้านักเรียนชายรายนี้ ก่อนที่อาม่าจะถูกสวนกลับ จนล้มลงไปกองกับพื้น ทำให้ผู้ปกครองที่เห็นเหตุการณ์ต้องเข้าไปห้ามปรามกันอย่างชุลมุนนั้น
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ธ.ค.62 ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาธิการ กช.) กล่าวว่า เมื่อตนได้ทราบเรื่องดังกล่าว ได้สั่งการให้รองเลขาธิการ กช. ตรวจสอบเหตุการณ์ และรายละเอียดทันที โดยล่าสุดทราบว่า ทั้ง อาม่า,ผู้ปกครอง และนักเรียนชาย คู่กรณีได้พูดคุยไกล่เกลี่ยกัน แล้วก็ขอโทษซึ่งกันและกัน และต่างก็ยอมรับว่าต่างคนต่างใจร้อน จนทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
ดร.อรรถพลฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ ตนอยากให้โรงเรียนได้ตระหนัก และถือเป็นอุทาหรณ์ เพื่อป้องกันการเกิดเหตุเช่นนี้อีก การจัดพื้นที่การเรียนการสอนไม่ได้มีเพียงในห้องเรียนเท่านั้น แต่ทุกที่สามารถเป็นห้องเรียนได้ ดังนั้นจึงต้องดูแลพื้นที่ จัดสรรให้เพียงพอและเหมาะสมสำหรับนักเรียน และการอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปในโรงเรียนควรมีการตรวจสอบ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับนักเรียนด้วย และผู้ปกครองหรือญาติที่จะเข้ามารอรับบุตรหลานกลับบ้านนั้น ทางโรงเรียนก็ควรจัดสรรพื้นที่ไว้ต่างหาก
นอกจากนี้ อยากให้ถอดบทเรียนจากกรณี นายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุฆ่าแล้วหนีไปซุ่มจอดพักรถในโรงพยาบาลพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม นั้น ก็เป็นกรณีศึกษาได้ โดยโรงเรียนต้องหมั่นตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาภายในโรงเรียน ซึ่งอาจจะแฝงตัวเข้ามาทำร้ายนักเรียน หรือบุคลากรภายในโรงเรียนได้ ดร.อรรถพลฯ กล่าวทิ้งท้าย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน