เมื่อวันที่ 31 ก.ค. บีบีซีรายงานว่า นางกาซาลา ข่าน หญิงชาวอเมริกันมุสลิม แม่ผู้สูญเสียลูกชายในสงครามอิรัก กล่าวตอบโต้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในนามพรรครีพับลิกัน หลังจากถูกนายทรัมป์กล่าวเชิงเยาะเย้ยถากถางว่าสตรีรายนี้ไม่เห็นจะพูดอะไร ได้แต่ยืนข้างสามี บนเวทีการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมเครติก หรือเดโมแครต เมื่อสัปดาห์ก่อน
“คุณดูภรรยาเขาสิ เธอยืนอยู่น่ะ แต่ไม่มีอะไรจะพูดเลย หรือไม่ได้รับอนุญาตให้พูดก็ไม่รู้นะ คุณว่าไงล่ะ” นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสถานีเอบีซี และต่อมาเป็นเรื่องที่ถูกตำหนิติเตียนจากทั่วสารทิศ
ส่วนนางกาซาลา ข่าน เขียนตอบโต้นายทรัมป์ผ่านสื่อวอชิงตันโพสต์ ว่า ตอนนั้นสามีถามตนแล้วว่าต้องการพูดบนเวทีด้วยหรือไม่ ตนบอกว่าคงไม่เพราะเรื่องลูกนั้นสะเทือนใจเกินไป
“การเดินขึ้นไปบนเวทีโดยมีภาพใหญ่มากของลูกชายอย่ด้านหลัง ดิฉันแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ คนเป็นแม่จะทำอย่างไร โดนัลด์ ทรัมป์เองก็มีลูกๆ ที่ตัวเองรัก เขาน่าจะรู้ว่าทำไมดิฉันถึงไม่พูดอะไร”
“เวลาโดนัลด์ ทรัมป์พูดเกี่ยวกับอิสลาม เขาไม่สนใจเลย ถ้าเขาศึกษาอิสลามและพระคัมภีร์ที่แท้จริง ความคิดทั้งหมดที่เขาได้จากผู้ก่อการร้ายจะเปลี่ยนไป เพราะการก่อการร้ายเป็นคนละเรื่องเลย”
“โดนัลด์ ทรัมป์อ้างว่า ตนเองเสียสละมากมาย แต่เขาเองไม่รู้เลยว่าเสียสละหมายถึงอะไร การที่ดิฉันไม่ได้พูดอะไร คนทั้งโลก คนทั้งอเมริกา ต่างเข้าใจความปวดร้าวของดิฉัน ได้โปรดให้นายทรัมป์เข้าใจความเจ็บปวดของฉันด้วย”
เหตุการณ์ต้นเรื่องดังกล่าวที่ทำให้นายทรัมป์ออกมาตอบโต้และโจมตีคู่สามีภรรยาเชื้อสายปากีสถานคู่นี้ เกิดขึ้นบนเวทีการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ที่ฟิลาเดลเฟีย นายคิซร์ ข่าน กล่าวสุนทรพจน์ด้วยเนื้อหากินใจผู้ฟัง เรียกเสียงปรบมือและเสียงเชียร์กึกก้องจากผู้เข้าร่วม โดยหลายคนน้ำตาซึมไปกับถ้อยคำเรียบง่ายและสะเทือนใจของครอบครัวที่เสียลูกชายในศึกอิรัก จากการถูกระเบิดคาร์บอมบ์ เมื่อปี 2547 ขณะลูกอายุ 27 ปี
นายข่านกล่าวในตอนนั้นว่า ในขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน กล่าวถึงลูกชายตนว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของอเมริกา แต่ถ้าเป็นนายทรัมป์ ลูกชายคงไม่มีโอกาสอยู่ในอเมริกา เพราะนายทรัมป์เรียกร้องให้กีดกันชาวมุสลิมเข้าประเทศ
“ในขณะที่คุณขอให้ชาวอเมริกันเชื่อใจคุณในอนาคตของพวกเขา ขอผมถามหน่อยเถิดว่า คุณเคยอ่านรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ผมมีฉบับคัดลอกจะให้คุณยืม ในเอกสารนี้ ขอให้คุณหาคำว่า เสรีภาพ และการคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเท่าเทียม
ขอให้คุณไปเดินดูชื่อตามป้ายหลุมศพของเหล่าผู้รักชาติที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อประเทศนี้ คุณจะเห็นว่า บุคคลเหล่านี้มาจากหลายศาสนา หลายเพศ และหลายเชื้อชาติ คนอย่างคุณไม่เคยที่จะเสียสละอะไรเลย ไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร” นายข่านกล่าวโจมตีนายทรัมป์
ด้านนายทรัมป์ให้สัมภาษณ์ตอกกลับนายข่าน ว่าสุนทรพจน์ดังกล่าวอาจเป็นฝีมือของนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ใช่หรือไม่ ที่ไปจ้างใครเขียนขึ้นมา และตนขอโต้แย้งว่า ตัวเองเสียสละอย่างมาก ด้วยการทำงานหนักในธุรกิจส่วนตัวที่สร้างงานให้คนอื่นนับพันตำแหน่ง รวมไปถึงการก่อสร้างอาคารใหญ่โตต่างๆ ตนคิดว่า ตนนั้นเสียสละมาพอสมควร และนายข่านไม่มีสิทธิมาว่าตน ว่าไม่เคยอ่านรัฐธรรมนูญสหรัฐด้วย คำกล่าวของนายข่านนั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจำนวนมาก
การตอบโต้ของนายทรัมป์ทำให้เกิดผลสะท้อนต่อเนื่องไปอีก หลังทั้งนางคลินตัน ที่ออกมาแสดงความชื่นชมครอบครัวข่าน และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ออกมาแสดงความตกใจต่อสิ่งที่นายทรัมป์กล่าว
“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือสิ่งที่เขาพูดกับแม่ของวีรบุรุษ” คลินตันกล่าว
ต่อด้วยนายทิม เคน ผู้ท้าชิงเก้าอี้รองผู้นำสหรัฐ ที่ช่วยสำทับว่า คำกล่าวของนายทรัมป์ไม่เหมาะสมอย่างมาก
ด้านนายจอห์น เคสิช ผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ จากพรรครีพับลิกัน อดีตคู่แข่งของนายทรัมป์ ยังร่วมตำหนินายทรัมป์ด้วยไม่ควรจะพูดอะไรที่ไม่เหมาะสม และว่า “การจะพูดถึงแม่ของวีรบุรุษนั้นมีหนทางเดียว คือการพูดด้วยความเคารพและให้เกียรติ”