วันที่ 19 ธันวาคม 2562 เวลา 10.30 น.: พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท นิรุติ พัฒนรัฐ รองผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และตัวแทนผู้เสียหายจาก บริษัท สัตยะพล แอนด์พาร์ทเนอร์ส จำกัด ได้ร่วมกันแถลงข่าวการบุกจับแหล่งจำหน่ายสินค้าประเภทแว่นตา หมวก เข็มขัด ปลอมแบรนด์เนมยี่ห้อดังหลายยี่ห้อบริเวณจังหวัดสระบุรี
ตามที่ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา ทำการสืบสวนปราบปรามกวาดล้างสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาตามอำนาจหน้าที่ ด้วยเหตุที่ว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่ถูกจับตามอง (WL) อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง ดังนั้น พันตำรวจโท พเยาว์ ทองเสน ผู้อำนวยการกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา จึงขานรับนโยบายเร่งดำเนินการปราบปรามสินค้าที่ละเมิดเครื่องหมายการค้าโดยมีรายละเอียดการจับกุม ดังนี้
กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สืบสวนทราบว่ามีขบวนการนำเข้ามาในราชอาณาจักร และจำหน่ายสินค้าประเภทแว่นตา หมวก และสินค้าอื่นๆ ที่ละะเมิดเครื่องหมายการค้าทั้งปลอมและเลียนเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่จดทะเบียนไว้แล้วในราชอาณาจักร และสินค้าที่ไม่มีเอกสารการเสียภาษีการนำเข้าของสินค้า โดยจะมีการนำสินค้าดังกล่าวมาจากต่างประเทศโดยเข้ามาทางเรือขนส่งสินค้า จากนั้นก็จะนำสินค้ามาเก็บซุกซ่อน พักไว้ที่อาคารพาณิชย์ จำนวน 2 จุด พื้นที่จังหวัดสระบุรี เมื่อการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานได้แน่ชัด อันเข้าข่ายการกระทำผิดอาญาที่เป็นคดีพิเศษที่ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้อนุมัติให้เข้าทำการตรวจค้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2562 เจ้าหน้าที่กองคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ ภายในจังหวัดสระบุรี จำนวน 2 จุด คือ อาคารพาณิชย์ 5 คูหา 4 ชั้น ถนนเทศบาล 1 อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี และ อาคารพาณิชย์ 5 คูหา 4 ชั้น ถนนเทศบาล 3 อำเภอ จังหวัดสระบุรี ทั้งนี้ ได้มีตัวแทนจากผู้เสียหายเข้าร่วมปฏิบัติการตรวจค้นเพื่อชี้ยืนยันเครื่องหมายสินค้า
ด้วยผลการตรวจค้นทั้ง 2 จุด พบของกลางเป็นสินค้าประเภทแว่นสายตา แว่นแฟชั่น หมวก หัวเข็มขัด ที่ละเมิดเครื่องหมายการค้า จำนวนประมาณ 18,000 ชิ้น และแว่นตาที่ไม่มีเอกสารการเสียภาษีนำเข้า จำนวน 140,000 ชิ้น รวมสินค้าทั้งหมด 158,000 ชิ้น มีมูลค่าของกลางประมาณ 50 ล้านบาท และการกระทำความผิดในคดีนี้ เป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่ ความผิดตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 และความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560
อนึ่ง ในการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของกองคดีทรัพย์สินทางปัญญา และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีนโยบายในการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยจะได้ดำเนินการสืบสวนจับกุมการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน