เป็นภาพที่น่าอดสูที่สุดขณะที่ผู้สื่อข่าวขับรถมาบนถนนสาย 304กบินทร์บุรี-นครราชสีมา ขาล่องฉะเชิงเทราก่อนถึงรร.สายมิตรศึกษา ต.กบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้พบเห็นชายวัยกลางคนกำลังใช้ไม้เท้าพยุงร่างกายเดินมาตามถนน พร้อมกับหยุดเดินในบางช่วงลักษณะคล้ายคนเมาเหล้ายืนไม่อยู่ และเดินมาอีกหน่อยท่ามกลางแสงแดดจ้ายืดหลังขึ้นในท่ายืนตรงเงยหน้าเล็กน้อย ในมือมีถุงพลาสติก ขณะหยุดเดิน ก้มดูในถุพลาสติกเพื่อค้นหาอะไรบางอย่างขณะนั้นหนุ่มใหญ่ในชุดเสื้อเชิตแขนสั้นสีครีมกางเกงขายาวสีดำ หันมาเห็นผู้สื่อข่าวที่แอบอยู่ใต้ต้นไม้ริมทาง สายตาที่มองมานั้นบ่งบอกว่าจะมีใครสนใจจะถามไถ่หรือไม่ ใบหน้าเหงื่อไหลอาบแก้มยืนถอนหายใจยาวหอบ
ตัวโยน ผู้สื่อขาวสบตาด้วยรับรู้ว่าชายคนนี้นั้นกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่จึงถามว่า”ตาจะไปไหน
คับ”เสียงที่เปล่งตอบมาถ้าคิดมีอคติจะบอกออกมาว่า “คนขี้เหล้าหรือคนบ้า” แต่ถามย้ำไปอีกพร้อมกับสบสายตาชายหนุ่มมอซอคนนั้น ทันทีที่ได้ยินเสียงแหบแห้งแทบหรั่งน้ำตาออกมาด้วยความเวทนาชายคนดังกล่าวบอกว่ามาเอายาที่ รพ.ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้กลับบ้านเลย เมื่อสายๆที่ผ่านมานั่งรอรถโดยสารสองแถวจะมาลงที่ปากทางเข้าบ้าน แต่ลงรถผิดจึงเดินเท้ามาที่ปากทางเข้าบ้าน 800 เมตรชายหนุ่มคนดังกล่าวได้บอกอีกว่า ที่พูดน้ำเสียงแหบแห้งไม่ใช่เมาเหล้าแต่ตนเองป่วยหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถ
ยนต์ ผ่าตัดจนพูดไม่มีเสียงและกลายเป็นคนพิการในที่สุด หนุ่มแต่งตัวมอซอบอกว่าคนชื่อนายสุพิน จีนเจือ อายุ56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251ม.5 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เดินทางออกจากบ้านตั้งแต่วานนี้โดยอาศัยนั่งรถโดยสารระหว่างหมู่บ้านมารับยาที่ รพ.กบินทร์บุรี(ยาเบาหวานความดัน)คนไข้เยอะกว่าจะได้รับยาก็บ่ายเย็น รถหมด
เพราะรถมีเที่ยวเดียวจึงต้องนอนค้างที่หน้ารพ.หนึ่งคืน เมื่อสายๆจึงค่อยๆคิดค่อยทบ
ทวนว่าจะขึ้นรถมาลงตรงไหน แต่จำทางเข้าหมู่บ้านไม่ได้จึงขอลงระหว่างทาง แต่เกิด
ลงรถผิดเมื่อลงรถผิดก็ต้องตัดสินเดินเอาค่อยๆเดินมาเรื่อยไป ร่างกายไม่สมประกอบจึงเดินมาหยุดไปนั่งๆกระทั่งมาพบกับผู้สื่อข่าวผู้สื่อข่าวยังไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวมี
สติดีหรือไม่ ขณะนั้นมีตำรวจสายตรวจรถยนต์ สภ.สระบัวผ่านมาซื้อข้าวไปให้กำลังที่
อยู่ที่ตู้ยามจึงให้ช่วยสอบถาม ซึ่งนายสุพินแสดงตัวว่าเป็นคนสุจริตชนผู้สื่อข่าวให้ขึ้นรถเพื่อที่จะไปส่งที่บ้านระยะทาง20 กม.ทันที่ที่ไปถึงบ้านนั้นมีหญิงชรารีบออกมารับพร้อมกับถามว่า “กลับมาแล้วหรือลูกเมื่อคืนไปนอนที่ไหนมา” “ผมนอนอยู่หน้ารพ.”แม่ยื่นมือมาจับแขนลูกชายลงเดินเข้าบ้านที่อยู่ริมถนน ทั้งสองคุยกันตามประสาแม่ลูกประโยคที่จุกอกที่สุดคือคำพูดที่จากปากของนายสุพิน จีนเจือ”เรามันคนจนขนาดเห็นว่าคนบ้านเดียวกัน
ไปหาหมอขับรถผ่านหน้าเราแท้ๆยังไม่ถามซักคำ”พูดเสร็จเอามือเท้าสะเอา และทราบ
ว่าผู้เป็นแม่คือยายรอด จันทร์เชื้อ อายุ80 ปี ยายรอดบอกว่าแต่งงานกับสามีลูก 1คนคือนายสุพิน สามีตายก็อยู่กับลูกชาย 2 คน ก่อนหน้านี้ลูกชายปกติดีรับจ้างขับรถ
บรรทุกและเกิดอุบัติเหตุจนกลายเป็นคนพิการ ด้วยฐานะยากจนไม่มีที่อยู่หลังลูก
ชายกลายเป็นคนสติไม่เต็มมาขออาศัยผู้ใหญ่บ้านปลูกบ้านอยู่ ผู้ใหญ่ณัฐศรีกอง จึงให้ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของตนอยู่กันตามลำพังยายรอดบอกว่าได้เบี้ยยังชีพคนชรากับเงิน
คนพิการพอได้ประทังชีวิตไปวันๆหนึ่ง มีบ้างขอข้าวสารวัดมากินพระท่านก็แบ่งปันอาหารให้บ้าง วันนี้ยายรอดหาหอยขมในสระน้ำข้างบ้านมาต้มใส่น้ำปลาร้ากินและปลาร้าปลากระดี่กับปลาร้าสับ ยายรอดบอกว่าก็กินอยู่ตามมีตามเกิดสองแม่ลูกแม้จะสงสารลูกชายเวลา
ไปหาหมอทีก็นั่งรถโดยสารไป วานนี้ค่ำแล้วไม่เห็นลูกชายกลับมาบ้านก็คิดว่าหมอคงให้นอนโรงพยาบาล แต่ไม่มีรถกลับบ้านก็ต้องทำใจไม่ว่าใครชินแล้วกับชีวิตสองแม่ลูก…
ภาพ/ข่าว:ทองสุข สิงห์พิมพ์