(29 พ.ย.62)นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงให้ทราบถึงพฤติกรรมของนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ถูกร้องเรียนเรื่องทำผิดวินัยร้ายแรง จนมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ที่มีนายนัฑ ผาสุข เป็นประธาน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆนั้น ล่าสุดพบว่านายสรศักดิ์ได้ออกคำสั่งสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ ๑๗๖๐/๒๕๖๒ เรื่อง ย้ายและแต่งตั้งข้าราชการรัฐสภาสามัญ ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ สั่งย้ายข้าราชการสตรีผู้ถูกนายสรศักดิ์ คุกคามทางเพศและเป็นผู้ร้องเรียนให้มีการสอบสวนนายสรศักดิ์ ซึ่งการออกคำสั่งย้ายข้าราชการผู้ร้องเรียน เป็นการสั่งย้ายในระหว่างที่นายสรศักดิ์ อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนข้อเท็จจริง อันมีลักษณะแสดงอำนาจ และแสดงพฤติการณ์ว่าถ้านายสรศักดิ์ยังคงอยู่ในหน้าที่ราชการจะเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนพิจารณา หรือจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงในเรื่องที่ถูกร้องเรียนได้
นายวัชระ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมอีกว่า ได้คัดค้านกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงไว้ด้วยแล้วตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ซึ่งกรรมการผู้ถูกคัดค้านจะต้องทำคำชี้แจงต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรภายใน ๗ วันนับแต่วันถูกคัดค้านเพื่อให้พิจารณาสั่งการตามข้อ ๒๑, ข้อ ๒๒ และ ข้อ ๒๓ ของกฎ ก.ร. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.๒๕๕๗ ซึ่งนำมาใช้กับกรณีนี้ได้โดยอนุโลม แต่ปรากฎว่าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกลับไม่ได้รายงานให้ทราบตามระยะเวลาที่กำหนด และยังกล่าวอ้างข้อความเป็นเท็จว่าการสืบสวนข้อเท็จจริงล่าช้าเพราะมีการคัดค้านกรรมการ ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะหากคณะกรรมการฯ ปฏิบัติตามกฎ ก.ร.ดังกล่าว ย่อมต้องรายงานชี้แจงเรื่องที่ถูกคัดค้านแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ แต่หากคณะกรรมการฯ ไม่ถือปฏิบัติตามกฎ ก.ร. ดังกล่าว ก็ย่อมทำการสืบสวนข้อเท็จจริงไปแล้วตั้งแต่เวลาก่อนทราบคำคัดค้าน ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรย่อมต้องทราบ เพราะเป็นผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเอง
ดังนั้น การที่นายสรศักดิ์ยังคงดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นหัวหน้าส่วนราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อไปจะเป็นอุปสรรคและแทรกแซงการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ อาจเกิดการเสียหายแก่ราชการ จึงขอให้ได้พิจารณามีคำสั่งพักราชการนายสรศักดิ์โดยด่วนและขอได้ทบทวนเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ได้เห็นชอบร่างมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ในการทำงาน และให้หน่วยงานภาครัฐถือปฏิบัติด้วย จะทำให้เกิดความเป็นธรรมในการสืบสวนข้อเท็จจริงนี้โดยเร็วที่สุด