วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ
ที่ อ.185/2559 คดีระหว่างพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 โจทก์ นิติบุคคลฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด โดยนายเจอรัลด์ มาโกลีส จำเลยที่ 1 พร้อมกับพวกรวม 8 ราย โดยคำพิพากษามีสาระสำคัญสรุปได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานสำแดงราคานำเข้าบุหรี่อันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ปรับเป็นเงินจำนวน 4 เท่า เปนเงิน.1,225,990,617 บาท และยกฟ้องจำเลย 2–8
จากกรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากระหว่างปี พ.ศ. 2546-2549 นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล (PMI) ประเทศสหรัฐอเมริกา จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลกับกระทรวงพาณิชย์ โดยอาศัยสนธิสัญญาทางไมตรีระหว่างไทย–อเมริกา 2511 ได้นำเข้าบุหรี่ตรามาร์ลโบโร่ (Marlboro) และแอลแอนด์เอ็ม (L&M) จากบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ฟิลิปปินส์ (PMP) ประเทศฟิลิปปินส์ โดยสำแดงราคานำเข้าบุหรี่ตรามาร์ลโบโร่ที่ราคา 7.76 บาทต่อซอง และสำแดงราคาบุหรี่ตราแอลแอนด์เอ็มที่ราคา 5.88 บาทต่อซอง
ต่อมากรมสอบสวนคดีพิเศษได้พบว่า เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาส่งออกจากประเทศต้นทาง น่าจะมีการหลีกเลี่ยงภาษีอากร ซึ่งประกอบด้วย ภาษีศุลกากร ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และเงินกองทุนส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 79/2549 และได้ส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการ และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหานำเข้าบุหรี่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร โดยเจตนาที่จะฉ้ออากรที่จะต้องเสียสำหรับของนั้น ตามมาตรา 27 และมาตรา 99 พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 จำนวน 272 ใบขน มูลค่าที่ประเมินจากราคาขายประมาณ 68,000 ล้านบาทและในวันนี้ได้มีคำพิพากษาดังกล่าว
สำหรับการนำเข้าบุหรี่ของนิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ยังมีกรณีการนำเข้ายี่ห้อมาร์ลโบโร่ และแอลแอนด์เอ็ม จากบริษัท พีที ฟิลลิป มอร์ริส อินโดนีเซีย (PTPMI) โดยเป็นการนำเข้าระหว่างปี พ.ศ.2543-2546 จำนวน 1,052 ใบขน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานจำเลย โดยคาดว่าจะมีคำพิพากษาประมาณเดือนมกราคม 2563
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน