คนร้ายรายที่สองนี้มีชื่อว่า อับเดล มาลิก เปอตีฌอง (Abdel Malik Petitjean) อายุ 19 ปี โดยเขากับ อาเดล แกร์มิช (Adel Kermiche) ได้บุกเข้าไปในโบสถ์คาทอลิกที่เมือง แซงต์-เอเตียนน์-ดู-รูเวรย์ และลงมือฆ่าปาดคอบาทหลวงชราวัย 85 ปีขณะกำลังทำพิธีมิสซาตอนเช้า ก่อนจะถูกตำรวจวิสามัญฯ ทั้งคู่
เหตุระทึกขวัญดังกล่าวยังทำให้สาธุชนรายหนึ่งบาดเจ็บสาหัส ส่วนแม่ชี 3 คนและสาธุชนอีก 1 คน หนีรอดมาได้โดยไม่ได้รับอันตราย
ฟรองซัวส์ โมแลง อัยการปารีส แถลงเมื่อวันอังคาร (26) ว่า หน่วยงานความมั่นคงรู้จัก แกร์มิช ดี เพราะเคยถูกจับมาแล้วถึง 2 ครั้งขณะกำลังเดินทางไปซีเรีย ครั้งสุดท้ายคือเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2015 ซึ่งทำให้ แกร์มิช ถูกกักบริเวณจนถึงเดือน มี.ค. ปีนี้
แกร์มิช พ้นโทษหลังคำอุทธรณ์ของอัยการปารีสถูกศาลปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม เขาถูกบังคับให้ต้องสวมกำไลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ตำรวจสามารถแกะรอยที่อยู่ของเขา และได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านแค่ไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน
ฝรั่งเศสระบุตัวตนนักรบญิฮาดรายที่ 2 ซึ่งก่อเหตุ “ฆ่าปาดคอ” บาทหลวงคาทอลิก
อับเดล มาลิก เปอตีฌอง (Abdel Malik Petitjean) และ อาเดล แกร์มิช (Adel Kermiche) สองนักรบญิฮาดวัย 19 ปีซึ่งร่วมกันก่อเหตุฆ่าปาดคอบาทหลวงคาทอลิกที่โบสถ์เมืองแซงต์-เอเตียนน์-ดู-รูเวรย์ (Saint-Etienne-du-Rouvray) เมื่อวันที่ 26 ก.ค.
กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) เผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านสำนักข่าวอามักเมื่อวันพุธ (27) เพื่อยืนยันว่าทั้ง แกร์มิช และ เปอตีฌอง ได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอสแล้ว
แหล่งข่าวอัยการระบุว่า เปอตีฌอง ไม่มีประวัติกระทำความผิดมาก่อน และตำรวจก็ไม่มีบันทึกลายนิ้วมือหรือดีเอ็นเอของเขา ดังนั้น การระบุตัวตนจึงทำได้ล่าช้า
อย่างไรก็ดี เด็กหนุ่มรายนี้เริ่มถูกตำรวจเพ่งเล็งตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. หลังจากพยายามเดินทางเข้าซีเรียผ่านทางตุรกี
พนักงานสอบสวนได้ขอตัวอย่างดีเอ็นเอจากมารดาของ เปอตีฌอง จนสามารถยืนยันแน่ชัดว่าเขาเป็น 1 ใน 2 คนร้ายที่ฆ่าปาดคอบาทหลวง ฌาค อาเมล
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการโจมตีด้วยฝีมือผู้ที่ประกาศสวามิภักดิ์ต่อไอเอสครั้งที่ 3 ที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสและเยอรมนี ในช่วงเวลาเพียง 2 สัปดาห์
สังคมยุโรปกำลังหวาดผวาที่ไอเอสใช้สื่อโฆษณาชวนเชื่อชักจูงให้เยาวชนซึ่งมีปัญหาด้านอารมณ์ก่อเหตุโจมตีในประเทศบ้านเกิด
ไอเอสยังออกมาอ้างว่า โมฮัมเหม็ด ลาฮูไอเยจ์ บูห์แลล ชาย 2 สัญชาติซึ่งก่อเหตุขับรถบรรทุกพุ่งเข้าใส่ฝูงชนระหว่างงานฉลองวันชาติในเมืองนีซ เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ค. เป็นหนึ่งใน “ทหาร” ของกลุ่มตน แม้รัฐบาลฝรั่งเศสจะยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงก็ตาม