คำแถลงของโบอิ้งที่มีการเผยแพร่ในวันพุธ (27 ก.ค.) ระบุว่า ผลประกอบการที่ขาดทุนย่อยยับถึงกว่า 8,180 ล้านบาทดังกล่าว เป็นผลพวงของบรรดาค่าธรรมเนียม -ค่าปรับที่ไม่คาดฝันที่โบอิ้ง ถูกเรียกเก็บสูงถึง 2,100 ล้านดอลลาร์ (ราว 73,370 ล้านบาท) จากกระบวนการผลิตอากาศยานทางทหาร รวมถึงเครื่องบินพาณิชย์
นอกจากนั้น ปัญหาความตกต่ำ ของธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างประเทศในเวลานี้ยังเป็นอีกปัจจัยเชิงลบที่ทำให้รายได้ของโบอิ้ง ลดน้อยถอยลงในไตรมาสที่ผ่านมา เพราะคำสั่งซื้อ “เครื่องบินคาร์โก” ที่ลดต่ำลงเกินคาด
ถึงแม้ผลประกอบการในช่วงไตรมาสสองของปีนี้จะย่ำแย่ถึงขั้นขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปีหรือตั้งแต่ปี 2009 แต่เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเมืองลุงแซมรายนี้ ยังคงยืนยันว่า ภาพรวมของธุรกิจและทิศทางรายได้ในปีนี้ของบริษัท ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องบินโดยสารเชิงพาณิชย์
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางโบอิ้งได้รับการแจ้งเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนจากทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ถึงการถูกเปรียบเทียบปรับเงินจำนวนมหาศาล จากโครงการพัฒนาและผลิตเครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศแบบ “KC-46” จากผลพวงของการที่ทางโบอิ้งกระทำผิดเงื่อนไขในสัญญาที่ทำไว้กับรัฐบาลอเมริกัน รวมถึงค่าเสียหายจากกระบวนการผลิตที่ล่าช้ากว่ากำหนดของเครื่องบินโดยสารแบบ “747 จัมโบ้”