บ่ายวันนี้ (27ก.ค.59) ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ นายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.อำนาจ เชาเทอรี่ พนักงานสอบสวนเวร สภ.บ้านไผ่ เพื่อดำเนินคดีกับ นพ.เปรมศักดิ์ เพียรยุระ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ใน 2 ข้อกล่าวหา คือ 1.หน่วงเหนี่ยวกักขัง และ 2.ข่มขืนใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการ โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายก่อสิทธิ์นานกว่า 2 ชั่วโมง
ขณะที่นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่อง 3 ประจำจังหวัดขอนแก่น , นายปรัชญา เทพสกุล ผู้สื่อข่าว KKC เคเบิ้ลท้องถิ่น , นายสุพล พลชื่นชม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชน ข่าวสด จังหวัดขอนแก่น , และนางสาวจิติมา จันทร์พรหม ผู้สื่อข่าวเนชั่นประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน ในฐานะพยาน โดยขั้นตอนต่อไป พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกนายแพทย์เปรม และพนักงานเทศบาลที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม บ่ายวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวทุกแขนงในจังหวัดขอนแก่นได้ไปรอสัมภาษณ์ขอทราบข้อเท็จจริงกรณีที่เกิดขึ้นกับ นพ.เปรมศักดิ์ บริเวณด้านหน้าห้องทำงานนายกเทศมนตรี สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านไผ่ แต่ทางนายแพทย์เปรมศักดิ์ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ หลบอยู่ในห้องทำงาน มีเพียงเจ้าหน้าที่ 3 คน มากั้นสื่ออยู่ด้านหน้า อ้างว่า สื่อมวลชนต้องติดต่อฝ่ายเลขานุการและไม่รู้ว่าไปใหน ทั้งบอกว่าวันนี้นายกเทศมนตรีมีภารกิจมาก และไม่รับปากว่าจะให้สัมภาษณ์กับสื่อได้หรือไม่
หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที นพ.เปรมศักดิ์ ได้เดินออกมาจากห้องทำงาน ฝ่ากลุ่มสื่อมวลชนที่รอสัมภาษณ์ด้านหน้าห้อง รีบเดินไปขึ้นรถตู้เทศบาลเมืองบ้านไผ่ ไม่ยอมให้สื่อสัมภาษณ์ โดยนพ.เปรมศักดิ์ ได้ไปร่วมในพิธีสวดมนตร์นพเคราะห์ และพิธีสืบชะตา ถวายสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 64 พรรษา ที่วัดคุ้มจัดสรรค์ ภายในเขตเทศบาลเมืองบ้านไผ่
ขณะเดียวกันนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวในกรณีที่ นพ.เปรมศักดิ์ ได้คุกคามกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้สื่อข่าวครั้งนี้ว่า ขณะนี้ได้เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จ โดยมีนายสุรชัย วัฒนาอุดมชัย ปลัดจังหวัดขอนแก่น เป็นหัวหน้าคณะกรรมการ เมื่อแต่งคณะกรรมการเสร็จจะดำเนินเรียกนายแพทย์เปรมศักดิ์ มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยจะให้การสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วเสร็จภายใน 15 วัน
ทั้งนี้ หากภายใน 15 วันกระบวนการสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ก็จะขยายเวลาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลแวดล้อมให้มากที่สุด เบื้องต้นทางคณะกรรมการจะต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง สองฝ่าย ซึ่งหากการตรวจสอบมีมูลความผิดจริงก็จะทำการดำเนินการตามกระบวนการข้อกฎหมาย