สถานการณ์ภัยแล้ง เริ่มส่อเค้ารุนแรงกว่าทุกปี ขณะที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เตรียมปรับลดการระบายน้ำ หลังผ่านพ้นฤดูฝน น้ำต้นทุนเหลือไม่ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ เก็บน้ำได้น้อยที่สุดหลังสิ้นสุดฤดูฝน ในช่วงเดือนเดียวกัน นับตั้งแต่ก่อสร้างเขื่อนมา 20 ปี
นายศุภชัย มโนการ ผู้อำนวยการสงน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบุว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ณ เวลานี้ ถือน่าเป็นห่วงกว่าทุกปี เกษตรกรต้องใช้น้ำอย่างประหยัด งดการทำน่าปรัง และหันมาปลูกพืชน้ำน้อยแทน เนื่องจากปีนี้ ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณฝนสะสมมีน้อย ประกอบกับทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องปล่อยน้ำไปช่วยเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีให้ห้วงที่ผ่านมาเฉลี่ยวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ ณ ปัจจุบันนี้ มีปริมาณน้ำในเขื่อนเหลือใช้การได้อยู่ไม่ถึงร้อยละ 35 ของความจุ ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณน้ำที่กักเก็บน้อยที่สุด หลังสิ้นสุดฤดูฝน เมื่อเปรียบเทียบจากสถิติ ในช่วงเดือนเดียวกันนับตั้งแต่ก่อสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มาครบ 20 ปี
ซึ่งเขื่อนป่าสักฯ มีความจำเป็นต้องทยอยปรับลดการระบายน้ำลงท้ายเขื่อน ซึ่งขณะนี้ เปิดประตูระบายน้ำเพียงบานเดียวจากทั้งหมด 7 บาน เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ ในแม่น้ำป่าสัก ช่วงท้ายเขื่อน โดย ปริมาณน้ำในเขื่อน ล่าสุด ณ วันนี้ (8 พ.ย.2562) ปริมาณน้ำอยู่ที่ 333.62 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.75 จากปริมาณเก็บกักสูงสุดที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยไม่มีปริมาณน้ำที่ไหลลงพื้นที่รับน้ำของเขื่อน ทำให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีความจำต้องลดการระบายน้ำลงตามความเหมาะสม เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการบริโภคไปจนถึงฤดูแล้งปีหน้า (2563) โดยขอให้เกษตรกรที่ต้องอาศัยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ งดการเพาะปลูกข้าวนาปรัง และ และหันไปปลูกพื้นน้ำน้อยแทน เพื่อป้องกันความเสี่ยง จากความเสียหายของพืชผลทางการเกษตร จากปัจจัยการขาดแคลนน้ำ และภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นด้วย
ใจรัก วงศ์ใหญ่
สมชาย เกตุฉาย
ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี