วันนี้ วันที่ 7 พ.ย.62 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) : พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.4 บก.ป.,พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ อำไพจิตร์ และพ.ต.ต.จักรี กันธิยะ สว.กก.4 บก.ป. สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ บก.สส.ภ.2 และเจ้าหน้าที่กก.สส.ภ.จ.นครนายก ร่วมทำการจับกุม นายนเรนทร์ฤทธิ์ หรือเบ๊นซ์ ใบเตย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/3 ถ.อำเภอ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และ นายสมเจตน์ หรือ แมน มาดี อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ม.3 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่ จ.75/2562 ลงวันที่ 10 ต.ค.62 และ จ.81/2562 ลงวันที่ 7 พ.ย.62 ตามลำดับ ข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำผิด การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” โดยจับนายนเรนทร์ฤทธิ์ ได้ที่ บ้านพักในหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ส่วนนายสมเจตน์ ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางตำรวจกองปราบฯ ที่ กองบังคับการตำรวจนครบาล 2
สืบเนื่องมาจากเมื่อเช้ามืดของวันที่ 28 ก.ย.62 นายนเรนทร์ฤทธิ์ หรือเบ๊นซ์ พร้อมด้วยนายสมเจตน์ หรือ แมน และนายเหน่ง ไม่ทราบชื่อนามสกุล ร่วมกันก่อเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อ (7-11) สาขา 8626 นครนายก-นางรอง ม.2 ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก โดยใช้มีดคัตเตอร์ และก้อนอิฐ เป็นอาวุธก่อนได้ทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวนหลายพันบาท และบัตรทรูมันนี่อีก จำนวน 20 ใบ มูลค่า 20,000 บาท ก่อนจะรีบขับรถยนต์หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบทราบว่านายนเรนทร์ฤทธิ์ หรือเบ๊นซ์
ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งค์ปล้น ได้กบดานอยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ จ.ปทุมธานี จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุมตัวได้ดังกล่าว ทั้งนี้ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายนเรนทร์ฤทธิ์ ได้แล้วนั้น ยังคงมีการตรึงกำลังปิดล้อมตามล่าผู้ร่วมก่อเหตุที่เหลืออย่างต่อเนื่อง จนทำให้นายสมเจตน์ หรือ แมน ทนแรงกดดันชองเจ้าหน้าที่ไม่ไหวติดมาเข้าขอมอบตัวกับทางตำรวจกองปราบ โดยนัดหมายกันที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงส่งกำลังไปรอรับตัวดังกล่าว ทำให้คงเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุอีกรายที่ยังคงหลบหนีอยู่
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่าที่ก่อเหตุนั้นก็เพื่อต้องการหาเงินมามาซื้อของในเกมส์ออนไลน์ และหาเงินมาเสพยาเสพติดกัน เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครนายก ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน