วันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย.62 เวลา 12.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 บก.ตม.1 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคาร B ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.: สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.ภาส สิริสุขะ รองผบก.ตม.3,พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด ผกก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.อ.เบญจพล รอดสวาสดิ์ ผกก.ตม.จ.สระแก้ว
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์,พ.ต.อ.อภิรักษ์ เวชกาญจนา,พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบก.ปคม.,พ.ต.อ.อัครเดช เกตุเอี่ยม ผกก.2 บก.ปคม.,พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.6 บก.ปคม.,พ.ต.ท.เกียรติก้อง ทองคำ สว.กก.2 บก.ปคม.และ พ.ต.ท.ปัณวัจน์ มารินทร์วิมล สว.กก.6 บก.ปคม.
ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายสุพัฒน์ หรือโกต๊อก สันติปิยกุล อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนาทวีที่ 401/2558 ลงวันที่ 11 ส.ค.58 ในฐานความผิด “สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป กระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์โดยกระทำต่อบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยปิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง ผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในทางร่างกายและเรียกค่าไถ่” เมื่อวันที่ 2 พ.ย.62 สถานที่จับกุม บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ
พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่าโดยในคดีนี้ เหตุเกิดที่ประเทศบังคลาเทศ,ประเทศเมียนมา และประเทศไทย ในจังหวัดระนอง,พังงา,สุราษฎร์ธานี,นครศรีธรรมราช,พัทลุง,สงขลา,สตูล และแคมป์ที่พักชั่วคราวป่าเทือกเขาแก้ว หมู่ที่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และประเทศมาเลเซีย เกี่ยวพันกัน เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2555 ถึงวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 เวลากลางวัน และกลางคืนต่อเนื่องกัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งมีผู้ต้องหารายสำคัญ ประกอบด้วย นายบรรณจง หรือโกจง ปองผล อดีตนายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์,พล.ท.มนัส คงแป้น,เจ้าหน้าที่รัฐประกอบด้วยทหาร-ตำรวจ,ผู้บริหารการเมืองท้องถิ่น,พลเรือนทั้งไทยและสัญชาติเมียนมา รวม 103 คน ในความผิดฐานสมคบกันค้ามนุษย์ที่กระทำกับบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี,ไม่เกิน 18 ปี และเกินกว่า 18 ปี อันเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551,มีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 และความผิดอื่นตามประมวลกฎมายอาญา
ซึ่งต่อมาศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดี ทั้งอัยการโจทก์ และจำเลยยื่นอุทธรณ์ จากผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พบว่ามีจำเลยที่แก้โทษทั้งสิ้น 55 คน (รับโทษหนักขึ้น) จากเดิมที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกไว้ 62 คนส่วนจำเลยที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง 40 ราย เมื่อคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แก้ในส่วนของจำเลยต่าง ๆ แล้ว คงเหลือจำเลยที่ยกฟ้องเพียง 26 ราย
ส่วนนายสุพัฒน์ หรือโกต๊อก สันติปิยกุล นักธุรกิจพันล้าน ใน อ.ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญ ที่ถูกออกหมายจับ พบความเชื่อมโยงทางการเงินนับพันล้าน ได้ไหวตัวทันหลบหนีข้ามแดนไปมาเลเซีย และใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจคอยให้การช่วยเหลือ/หลบซ่อนตัว และหลบหนีคดีเรื่อยมา ต่อมาชุดสืบสวน บก.ปคม.สืบทราบว่า โกต๊อก ได้เข้ามากบดานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา จึงได้ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3 และตม.จ.สระแก้ว ประสานความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชา จนพบตัวและควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดี ส่งให้กับ ชุดสืบสวน ปคม. ที่บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.สุรพงษ์ฯ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน