เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ซึ่งได้พิจารณาร่วมกันตั้งแต่ปี 2557-2559 ทั้งนี้ โดยส่วนตัวพอใจในการทำงานของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ หลังสถิติเกิดเหตุรุนแรงลดลง เพราะทุกฝ่ายทำงานจริงจัง พร้อมขอความร่วมจากประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าการลงทุนในพื้นที่จะเพิ่มมากขึ้นหากสถานการณ์ดีขึ้น พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ซึ่งเชื่อคนส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 มีความเข้าใจ และถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างเต็มที่จะช่วยให้เกิดสันติสุขได้อย่างแน่นอน
สำหรับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความยั่งยืน ทั้งในพื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี อ.เบตง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีต้นทุนทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ยางพารา อาหารฮาลาล และการท่องเที่ยว ซึ่งทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ โดยรัฐบาลจะร่วมส่งเสริมและให้การสนับสนุน เพื่อให้พื้นที่เกิดการพัฒนาสามเหลี่ยมเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามแผนของรัฐบาล คือ ต้องพัฒนาให้ได้ภายใน 5 ปี เพื่อที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเป็นธรรม
ส่วนพื้นที่จังหวัดนราธิวาสซึ่งมีการสร้างโรงงานแปรรูปยาง จะช่วยสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี แต่อยากให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยโดยการนำยางแผ่นมาทำให้เป็นยางก้อน เพื่อส่งต่อเข้าสู่โรงงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราได้เป็นอย่างดี
ขณะที่การเจรจาสร้างสันติสุขในพื้นที่กับประเทศมาเลเซีย ขณะนี้รัฐบาลยังคงเดินหน้าพูดคุยทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการอย่างต่อเนื่อง และในเดือนสิงหาคมนี้ จะเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง รวมถึงการเชื่อมโยงทางรถไฟ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้