วันนี้ วันอังคารที่ 22 ต.ค.62 เวลา 10.30 น. ณ ลานแถลงข่าว ชั้น1 อาคาร บช.น. : พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย,พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผบช.น.,พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผบก.บก.น.1,พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.1,พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.1,พ.ต.ท.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ รองผกก.สส.บก.น.1,พ.ต.ต.กฤษฎา นาคประสิทธิ์ สว.กก.สส.บก.น.1 และ เจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.1 ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จฯ
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.1 ได้ร่วมกันทำการจับกุม นายอรรถยา หรืออุ้ย ศศิธร อายุ 28 ปี บ้านเลขที่ 249 ม.5 ต.ลี้ อ.ลี้ จ.ลำพูน,นายปฐมศิลป์ หรือไก่ จำเริญสม อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 143 ม.9 ต.สามแยก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ (คนรับส่งเงิน),นางวิลาศิณี หรือนิด มาลาวัยจันทร์ อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 9 ม.7 ต.ทุ่งปรัง อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช และน.ส.ณภัสสรณ์ หรือแหวว ธนพลจรัสไชย อายุ 36 บ้านเลขที่ 1 ม.4 ต.ทับคล้อ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร (คนถอนเงิน)
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าพาต้าปิ่นเกล้า ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กทม.และที่กองกำกับการสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงผู้อื่น,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อี่นโดยมิชอบในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น หรือประชาชนซึ่งออกให้ผู้มีสิทธิ์ในการเบิกถอนเงินสด หรือรับของโจร ” ตามหมายจับศาลอาญา พร้อมด้วยของกลางที่ตรวจยึดได้คือ
1.ธนบัตรเงินสดจำนวน 170,000 บาท
2.โทรศัพท์มือถือจำนวน 10 เครื่อง
3.สมุดบัญชีธนาคารกสิกรไทยพร้อมบัตร ATM ที่ใช้ในการก่อเหตุ
4.คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กจำนวน 1 เครื่อง
5.รถจักรยานยนต์ยี่ห้อดูคาร์ติจำนวน 1 คัน (เป็นทรัพย์สินที่ยึดไว้ตรวจสอบ)
6.รถยนต์ยี่ห้อนิสสัน 350 Z จำนวน 1 คัน (เป็นทรัพย์สินที่ยึดไว้ตรวจสอบ)
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ฯ กล่าวต่อว่า พฤติการณ์การกระทำความผิดคือ กลุ่มคนร้ายเป็นกลุ่มแฮกเกอร์และม้าถอนเงิน โดยมีนายอรรถยาฯ ทำหน้าที่เป็นแฮกเกอร์ เจาะข้อมูลเว็ปไซต์ลงโฆษณาฟรีที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้บริการและสมัครสมาชิก เพื่อเอาข้อมูลอีเมล์และพาสเวิร์ดมาทดสอบเข้าแอปพลิเคชันไลน์ของผู้อื่น
เมื่อพบว่าอีเมล์ที่ได้มาผูกกับบัญชีไลน์ นายอรรถยาฯ ก็จะเปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่แล้วก็นำอีเมล์ดังกล่าวมาลงทะเบียนเข้าแอปพลิเคชั่นไลน์ปลอมตัวเป็นบุคคลอื่น แล้วตระเวนทักบุคคลที่เชื่อว่าน่าจะรู้จักเพื่อขอยืมเงินโดยอ้างเหตุจำเป็นเร่งด่วนต้องการใช้เงิน เมื่อบุคคลที่ถูกหลอกหลงเชื่อ ก็จะส่งบัญชีธนาคารของผู้อื่นซึ่งได้จากการประกาศให้กู้ยืมเงินเพื่อหลอกเอาบัญชีมาใช้กระทำความผิด และก็จะให้นางวิลาศิณีฯ และน.ส.ณภัสสรณ์ฯ ซึ่งทำหน้าที่ม้าถอนเงินไปกดเงินออกจนหมดทันที และนำเงินมามอบให้กับนายปฐมศิลป์ฯ ซึ่งทำหน้าที่คนรับเงินส่งให้กับนายอรรถยาฯ แฮกเกอร์อีกทอดหนึ่ง
จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียหาย จำนวนกว่า 15 ราย ความเสียหายประมาณ 1.2 ล้านบาทเศษ เข้าแจ้งความไว้หลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกลุ่มคนร้าย ในความผิดดังกล่าว พงส.ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมาย และจนกระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว รายละเอียดความเสียหาย ดังนี้
1.สน.ห้วยขวาง 1 รายความเสียหายรวม150,000 บาท
2. สน.หัวหมาก 1 รายความเสียหายรวม 150,00 บาท
3.สน.บางเขน 1 รายความเสียหายรวม 50,000 บาท
4.สน.ปทุมวัน 2 รายความเสียหายรวม 150,000 บาท
5.สน.สายไหม 2 รายความเสียหายรวม 150,000 บาท
6.สภ.ปากเกร็ด 1 รายความเสียหายรวม 20,000 บาท
7.สภ.เมืองอุดรธานี 2 รายความเสียหายรวม 140,000 บาท
8.สภ.เมืองหนองคาย 1 รายความเสียหายรวม 100,000 บาท
9.สภ.บางแก้ว 2 รายความเสียหายรวม 160,000 บาท
10.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ 1 รายความเสียหายรวม 250,000 บาท
11.สภ.เมืองนนทบุรี 1 รายความเสียหายรวม 100,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหาย 1,285,000 บาท
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ฯ ฝากประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนโดยทั่วไปให้ระมัดระวัง ในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่เว็บไซต์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก,แอปพลิเคชันแปลกปลอม,เว็บไซต์ที่ความปลอดภัยส่วนบุคคลไม่มีมาตราฐาน ซึ่งคนร้ายอาจจะนำข้อมูลของท่านเจาะเข้าฐานข้อมูลส่วนบุคคลและนำมาใช้ในการกระทำผิดได้ หรือหากต้องการให้ผู้ใดยืมเงินให้ทำการตรวจสอบให้ดี โดยทำการโทรศัพท์สอบถามผู้ขอยืมเงินอีกครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องยืนยันการยืมเงิน และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อผู้เสียหาย
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน