ตำรวจท่องเที่ยวจับหนุ่มอินเดียหนึ่งในแก๊งต้มตุ๋นหลอกเงินชาวเนปาลกว่า 1 ล้านบาท ตามหมายศาลจังหวัดสระแก้ว หลังอ้างว่าสามารถพาไปทำงานในสหรัฐฯ หรือแคนาดาได้ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ กก.6.บก.ทท. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.ศราวุธ ตันกุล ผกก.2 บก.ทท. พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา ผกก.6 บก.ทท. พ.ต.ท.สุรชัช สุวรรณศรี รอง ผกก.6 พ.ต.ท.เธียรธวัช อรรจนะเวทางค์ รอง ผกก.6 พ.ต.ท.(หญิง) อภิรดี ปราสาททรัพย์ รองผกก.สส.ปป. กก.สส.ปป. บก.ตม.2 ร่วมกันสอบปากคำเบื้องต้นหลังจับกุม นายนิคกิ หรือโจ ซูจีค (Mr. NEGI SURJEET) อายุ 42 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 166/2559 โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไป ได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ขณะเตรียมเดินทางเข้าไทย
พ.ต.อ.นิธิธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายชาวเนปาล 3 คน ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว ว่าถูก นายอวตาร์ หรือจัสเบียร์ ซิงค์ ชาวอินเดีย หลอกผ่านเฟซบุ๊กว่าสามารถพาไปทำงานในต่างประเทศแถบสหรัฐอเมริกา และแคนาดาได้ จึงนัดเจอกันที่ไทยเพื่อดำเนินการให้น่าเชื่อถือก่อนส่งตัวไปทำงานยังประเทศที่ 3 (แคนาดา) เมื่อมาถึงไทยนายอวตาร์ ได้พาไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย ย่านตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว พร้อมกับให้ทำเอทีเอ็มทั้ง 3 คน โดยชายชาวอินเดียอ้างว่า ให้เป็นช่องทางให้ญาติโอนเงินเข้ามาเป็นค่าดำเนินการด้านเอกสารขอใบอนุญาตทำงานในไทย โดยจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีละ 300,000 บาท เมื่อเปิดบัญชีเรียบร้อย นายอวตาร์ ก็ได้ขอเล่มบัญชีพร้อมเอทีเอ็มไป ก่อนจะนำมาคืนโดยไม่รู้ว่าเป็นการนำไปสมัครแอพ K Mobile Bank Plus
จากนั้นเมื่อญาติของผู้เสียหายทั้ง 3 คนโอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 1 ล้านบาทเรียบร้อย ก็ได้โทรไปบอกนายอวตาร์ ว่า จะนำเงินไปให้ในวันรุ่งขึ้น แต่ปรากฏว่า กลับมีข้อความ SMS Alert แจ้งกลับมายังมือถือว่าเงินถูกถอนออกจากบัญชีจนหมด และก็ไม่สามารถติดต่อนายอวตาร์ได้อีก จึงเดินทางมาแจ้งความ
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า นายอวตาร์ ได้อาศัยช่องทางทางอินเทอร์เน็ตในการนำเลขที่บัญชีและเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปสมัครใช้บริการแอพดังกล่าวผ่านทางตู้เอทีเอ็ม ประกอบกับนายอวตาร์ พูดไทยได้ จึงเป็นล่ามในการเปิดบัญชีของทั้ง 3 คนและได้ให้เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองในการติดต่อทราบความเคลื่อนไหวบัญชีทั้ง 3 และเมื่อตรวจสอบเชิงลึกทราบว่าเป็นขบวนการอินเดีย ที่หลอกเงินจากชาวต่างชาติ โดยเปิดบัญชีหลักของคนในแก๊งไว้เพื่อโอนเงินจากเหยื่อเข้าบัญชีดังกล่าว และโอนต่อไปยังบัญชีอื่นๆ ในแก๊งอีก 5 บัญชี และจะใช้ผู้ร่วมขบวนการคนอื่นเป็นผู้ไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ตำรวจจึงออกหมายจับ นายอวตาร์ หรือจัสเบียร์ ซิงค์ ชาวอินเดีย จากศาลจังหวัดสระแก้ว และผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งพบว่าทั้งหมดได้หลบหนีออกประเทศไปก่อนหน้านี้
จนกระทั่งวันนี้ นายนิคกิ หรือโจ ซูจีค หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการแก๊งชาวอินเดียดังกล่าว เดินทางมายังไทย โดยสายการบิน เจ็ต แอร์เวย์ เที่ยวบิน 9W66 เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยัง บก.ตม.2 เพื่อร่วมจับกุมและนำตัวมาสอบสวน เบื้องต้นให้การภาคเสธ โดยให้การยอมรับว่า รู้จักกับนายอวตาร์ และเป็นผู้ที่ปรากฏในภาพหน้าตู้เอทีเอ็มจริง แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นในการได้มาของเงิน แต่ทางตำรวจมีหลักฐานที่จะสามารถดำเนินคดีได้ จึงนำตัวส่ง พ.ต.ท.อานนท์ ตางาม สว.สส.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว เพื่อดำเนินคดีต่อไป และติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นมาดำเนินคดี