สื่อทั่วโลกรายงานการปราศรัยรับตำแหน่งตัวแทนอย่างเป็นทางการลงชิงศึกเลือกตั้งสหรัฐฯของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้ขึ้นกล่าวในคืนวันพฤหัสบดี(21 ก.ค)ที่ผ่านมากลางที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน RNC โดยพบว่า อิวานกา ทรัมป์(Ivanka Trump)บุตรสาวเป็นผู้เปิดตัวแถลงการแนะนำทรัมป์ต่อที่ประชุมใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อ โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นกล่าวปราศรัย ซึ่งเดลิเมล สื่ออังกฤษรายงานวันนี้(22 ก.ค)ว่า ทรัมป์เลือกใช้เพลงประกอบภาพยนตร์ “แอร์ฟอร์สวัน” เป็นเพลงสำหรับการเปิดตัวของเขา
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า ท่ามกลางฝูงชนตะโกนโห่ร้องยูเอสเอ ยูเอสเอ แสดงความฮึกเหิมเมื่อทรัมป์ได้ประกาศถึงแผนการของเขาที่จะทำต่อไปในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯคนถัดไป โดยในนโยบายหลัก ทรัมป์ได้ประกาศเน้นนโยบายด้านความมั่นคงเป็นหลักในค่ำคืนนั้น
และเขายังได้รับปากกับฝูงชนตัวแทนรีพับลิกันจากรัฐต่างๆทั่วอเมริกาว่า เขาจะเป็นผู้นำอเมริกากลับคืนสู่ความเป็นนิติรัฐให้ได้ โดยทรัมป์กล่าวโจมตี บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่กำลังนั่งบริหารอยู่ในขณะนี้ว่า ล้มเหลวอย่างหนักทั้งสถานการณ์นอกประเทศ และในประเทศ โดยหยิบยกถึงเหตุการณ์ตำรวจสหรัฐฯถูกซุ่มโจมตีล่าสุดที่ผ่านมาเป็นหลักฐานยืนยัน ทั้งนี้ทรัมป์ได้ประกาศต่อทุกคนในที่นั้นว่า เขาเป็นตัวแทนผู้ปกป้องและรักษากฎหมาย เป็นเสียงของประชาชนทุกคน และในนโยบายที่ได้ประกาศไปแล้วนั้น ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่า จะทำอย่างรวดเร็วที่สุดต่างจากที่นักการเมืองอเมริกันทั้งหลายเคยกระทำในอดีต
“ในการเลือกตั้งเข้าสู่ทำเนียบขาวปีนี้ ผมเป็นผู้สมัครที่ปกป้องและรักษากฎหมาย” ทรัมป์กล่าว และทำให้ได้รับเสียงตอบรับและตะโกนเชียร์ดังลั่นว่า “ยูเอสเอ ยูเอสเอ” ซึ่งเดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษให้ความเห็นว่า คล้ายราวกับว่า ทรัมป์เป็นคอนดักเตอร์กลางวงออเครสตา และในการแถลง เขายังกล่าวต่อไปอีกว่า “การประชุมพรรคของพวกเราเกิดขึ้นในขณะที่อเมริกากำลังเกิดวิกฤตร้ายแรง ตำรวจสหรัฐฯถูกลอบโจมตี และก่อการร้ายเกิดขึ้นในทุกหัวละแหงในเมืองต่างๆของพวกเรา คุกคามการใช้ชีวิตทุกรูปแบบของพลเมืองอเมริกัน และแน่นอนที่สุด! นักการเมืองคนใดก็ตามที่…ไม่รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ ย่อมไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำประเทศแห่งนี้ได้”
ทั้งนี้เดอะการ์เดียนรายงานต่อว่า ในการขึ้นกล่าวปราศรัย ทรัมป์ได้กล่าวโจมตีไปยัง ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตถึงข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงทั้งด้านความมั่นคงประเทศและนโยบายเข้าเมืองสหรัฐฯที่ถือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงประเทศและชุมชนต่างๆในอเมริกาในทัศนะของทรัมป์ โดยเขาได้กล่าวว่า ขอให้คำมั่นที่จะเอาชนะกลุ่มก่อการร้าย IS ให้ได้ ซึ่งพบว่าโดนัลด์ ทรัมป์ได้ใช้วาทะชี้ต่อผู้เข้าร่วมการประชุมว่า กลุ่มก่อการร้าย IS เป็นที่รู้จักในสมัยของฮิลลารี คลินตัน ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ กลุ่มนี้ไม่เคยเป็นที่ปรากฏมาก่อน โดยทรัมป์ชี้ลงไปว่า คลินตันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางไม่สงบสุข และกองทัพก่อการร้าย IS สามารถหาช่องทางเข้าสู่โลกตะวันตกได้สำเร็จ
และในส่วนด้านนโยบายคนเข้าเมืองอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ได้ยืนยันว่า จากการรายงานของสื่อสหรัฐฯ NBC NEWS จะยังคงไม่ยอมรับนโยบายผู้อพยพเข้าเมืองอเมริกาของพรรคเดโมแครต โดยเขากล่าวว่า จะยังคงยืนยันที่จะไม่ต้อนรับประชาชนที่เดินทางมาจากประเทศที่มีปัญหาก่อการร้ายจนกว่าอเมริกาจะมีกระบวนการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนคัดกรองคนเหล่านี้เสียก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ทรัมป์ไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศใดที่เข้าข่ายคุณสมบัติเหล่านี้บ้าง “ผมต้องการอนุญาตให้เฉพาะบุคคลที่สนับสนุนในค่านิยมอเมริกา และรักชาวอเมริกันเข้าสู่ประเทศเท่านั้น” และกล่าวต่อว่า “และใครก็ตามที่สนับสนุนความรุนแรง ความเกลียดชัง และความกดขี่ จะไม่ได้รับการต้อนรับจากประเทศของเรา และจะไม่มีวันนั้น” NBC NEWS รายงาน
และทรัมป์ยังชี้ต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนนโยบายผู้อพยพเข้าเมือง และรวมไปถึงคำมั่นสัญญาอย่างหนักแน่นที่จะก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนด้านทิศใต้ระหว่างสหรัฐฯและเม็กซิโก โดยตัวแทนจากพรรครีพับลิกันยังคงประกาศว่า เม็กซิโกจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด และนอกจากนี้ นโยบายการแบนชาวมุสลิม NBC NEWS รายงานด้วยว่า ยังคงถูกพบในการปราศรัยครั้งนี้
ส่วนนโยบายการสร้างงาน และการค้าและข้อตกลงกับประเทศชาติต่างๆ โดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า ตัวเขาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯหนึ่งเดียวเท่าที่พระเจ้าได้เคยประทานมา เป็นผู้มีความสามารถในการสร้างงานได้มากเท่าที่สุด โดยในการแถลงถึงเรื่องนี้ ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีคลินตันต่อถึงข้อตกลงการค้า เป็นต้นว่า NAFTA และ TTP โดยในการปราศรัยในคืนวานนี้(21 ก.ค) โดนัลด์ ทรัมป์ได้เสนอทางเลือกใหม่ให้กับอเมริกา โดยกล่าวว่า เขาจะลงมือเจรจาข้อตกลง NAFTA อีกครั้งเพื่อให้ได้รับข้อตกลงที่ดีมากกว่าในอดีต พร้อมทั้งบังประกาศที่จะปกป้องงานของพลเมืองอเมริกันในประเทศให้ยังคงอยู่ต่อไป
ซึ่งในที่ประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวทิ้งท้ายในช่วงครึ่งแรกต่อคู่แข่งคนสำคัญ ฮิลลารี คลินตัน ที่ทรัมป์ได้ให้นิยามว่ามีชื่อเสียงในด้าน “ความตาย การทำลายล้าง และความอ่อนแอ” ท่ามกลางฝูงชนทั้งหลายได้ตะโกนออกมาเป็นระยะๆตำหนิคลินตันในความผิดพลาดในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯว่า “จับเธอเข้าคุก” และทำให้ โดยทรัมป์กล่าวตอบรับกับเสียงเรียกร้องด้วยการประกาศว่า “เรามาคว่ำฮิลลารี คลินตันในพฤศจิกายนนี้ด้วยกัน” ซึ่งสร้างเสียงตบมือ และตะโกนตอบรับอย่างกึกก้องไปทั่ว
นอกจากนี้ ยังเป็นฮือฮาสำหรับการประกาศปกป้องชุมชนเพศเดียวกัน LGBT ที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ในค่ำคืนวันพฤหสบดี(21 ก.ค) เพราะทรัมป์เป็นผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันเพียงรายเดียว ที่ประกาศยอมรับชุมชนชาวเกย์ ขัดกับการเคลื่อนไหวในภาพรวมของพรรครีพับลิกันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นที่ทราบว่า พรรคคอนเซอร์เวตีฟอเมริกา ปฎิเสธการแต่งงานของกลุ่มเพศเดียวกันเนื่องจากเหตุผลด้านศาสนา โดยจากการรายงานของเดอะ ฮิล สื่อการเมืองสหรัฐฯ พบว่า ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่า เขาจะปกป้องชีวิตของกลุ่ม LGBT จากการคุกคามของกลุ่ม IS “ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผมให้คำมั่นว่า จะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ภายใต้อำนาจของผมที่มี เพื่อปกป้องพลเมืองชาว LGBT จากความรุนแรงและการกดขี่ของแนวคิดสุดโต่งต่างแดน” ซึ่งเดอะฮิลชี้ว่า ทรัมป์ยังแถลงต่อด้วยเนื้อหาที่ไม่ได้อยู่ในบทสคริปต์ต่อว่า “และผมต้องขอบอกในที่นี้ว่า ในฐานะที่เป็นชาวรีพับลิกันคนหนึ่ง มีความรู้สึกยินดีที่ได้ยินเสียงโห่ร้องตอบรับกับสิ่งที่ผมเพิ่งได้กล่าวออกไป”
และในที่ประชุมใหญ่ค่ำคืนนั้น มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เมื่อพบว่า ผู้ก่อตั้งร่วมเพย์พาล(PAYPAL) ปีเตอร์ ธีล(Peter Thiel) ได้ประกาศกลางเวทีว่า เขาเป็นเกย์ เรียกเสียงฮือฮาให้กับผู้คนที่เข้าร่วมในที่นั้น NBC NEWS รายงานต่อ
โดยในการขึ้นเวทีของนักธุรกิจอิงพรรครีพับลิกันจากซิลิคอนแวลเลย์ ธีลกล่าวว่า “ประชาชนอเมริกันทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง” และกล่าวต่อว่า “ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นเกย์ ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นชาวรีพับลิกัน และที่สำคัญที่สุด ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่เป็นชาวอเมริกัน”
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ท่ามกลางเสียงตบมือ แต่มีบางส่วนที่อยู่ในอาการตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด โดย NBC NEWS ชี้ว่า ธีลถือเป็นคนแรกที่ได้ทำการประกาศเปิดตัวความเป็นชาวรักร่วมเพศกลางที่ประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน โดยในการขึ้นพูดบนเวทีเมื่อวานนี้(21 ก.ค)ผู้ก่อตั้งเพย์พาลได้กล่าวถึงปัญหาที่อเมริกาต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งรวมไปถึง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ยุติการเข้าร่วมสงครามต่างแดนที่เขาให้ความเห็นว่า เป็นสงครามโง่ๆ และการสร้างชาติใหม่อีกครั้งร่วมกับผู้นำที่ไม่ใช่เป็นนักการเมืองสายพันธุ์นักเลือกตั้ง เช่น โดนัลด์ ทรัมป์
NBC NEWS รายงานว่า ปีเตอร์ ธีลไม่ตอบคำถามของสื่อสหรัฐฯที่ว่า เหตุใดเขาจึงเลือกสนับสนุนทรัมป์ แต่ทว่าสื่อสหรัฐฯชี้ว่า ในการขึ้นปราศรัยล่าสุดของทรัมป์ในช่วงเวลา 1 ชม. 22 นาที ของแถลงการณ์ที่มีความยาว 4,600 คำ สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ดูเหมือนทรัมป์จะเลือกใช้คำพูดที่ดูก้าวร้าว และรุนแรงลดลง และเป็นการปราศรัยที่ชวนน่าติดตามมากขึ้น โดยรอยเตอร์ได้รายงานว่า การผลการสำรวจอย่างฉับพลันของ CNN สื่อสหรัฐฯที่ได้ทำขึ้นเพื่อดูปฎิกริยาตอบรับจากผู้ชมเมื่อได้รับฟังการกล่าวสุนทรพจน์ตอบรับบนเวที RNC บนเวทีของทรัมป์พบว่า มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นถึง 57% ได้ชื่นชมตัวทรัมป์ โดยกล่าวเป็นเสียงเดียวกันไปในทางที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก ในขณะที่อีก 18% ตอบกลับมาว่า มีชื่นชอบอยู่บ้าง ส่วนอีก 24% ชี้ว่า รู้สึกในทางลบหลังจากได้รับฟังแล้ว