วันที่ 15 กันยายน 2562 เวลา 13.00 น.ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ : ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเพื่อรับฟังผลการดำเนินงานและมอบนโยบายพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดสำนักงาน กศน.และสังกัดการศึกษาเอกชน ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยมีนายศรีชัย พรประชาธรรม เลขาธิการ กศน.นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ รองเลขาธิการ กช. และผู้บริหาร ศธ. ผู้บริหารท้องถิ่น ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนนักศึกษา เข้าร่วมกว่า 1,000 คน
รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ขอชื่นชม กศน. จังหวัดสุรินทร์ ที่ได้จัดการเรียนการสอนสำหรับประชาชนทุกช่วงวัยได้อย่างมีคุณภาพ ทั้งการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต และอาชีพ เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญยิ่งกับการทำงานเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน โดยเฉพาะการเป็นหน่วยส่งเสริมและสนับสนุนการทำให้ประชาชนในพื้นที่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โดยมีดัชนีตัวชี้วัดจากการพัฒนาอาชีพจากทุนที่มีอยู่ในชุมชน และจำนวนนักศึกษาที่สอบวัดผลสัมฤทธิ์การศึกษาขั้นพื้นฐานที่ผ่านตามเกณฑ์สูงถึงร้อยละ 80.80 ถือเป็นอันดับ 1 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นจำนวนที่สูงกว่าการสอบผ่านระดับประเทศ รวมทั้งผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การศึกษานอกระบบโรงเรียน หรือ N-NET (Non-Formal National Education Test) ที่มีคะแนนเฉลี่ย ทั้ง 5 สาระ 39.62 ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงกว่าระดับภาค (37.96) และระดับประเทศ (38.86) อีกด้วย
รวมทั้งขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้การจัดการศึกษาในทุกมิติสำหรับประชาชนได้รับการพัฒนา ทั้งการจัดการศึกษาสำหรับผู้พิการ การพัฒนาสังคม ชุมชน การดำเนินงานสร้างพลเมืองอาสาประชาธิปไตย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับสำนักงาน กศน.และส่งเสริมผู้ไม่รู้หนังสือ ทั้งนี้ ขอฝากเกี่ยวกับหลักสูตรภาษาท้องถิ่น (ภาษาเขมร)
ในการบูรณาการกับการสอนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการสื่อสารของประชาชน ให้สามารถนำไปประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และที่ขาดไม่ได้ คือ ขอทุกคน จงภาคภูมิใจ รักศักดิ์ศรีในตัวเอง และพยายามสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ผ่านการจัดการศึกษาเพื่อการมีอาชีพ เพื่อชุมชน และเพื่อประเทศ ให้สังคมได้เห็นโฉมใหม่ของ คน กศน. ให้เป็น “กศน.ว้าว (WOW) ที่มีคุณภาพในยุค 4.0 ต่อไป
ในส่วนของการพัฒนาการศึกษาเอกชน ขณะนี้มีหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการจนมีผลสำเร็จชัดเจนแล้ว อาทิ การขยายเพดานค่ารักษาพยาบาลจากคนละ 1 แสนบาทต่อปี เป็น 1.5 แสนบาทต่อปี ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้น และยังมีอีกหลายเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรเงินอุดหนุนโครงการอาหารกลางวัน และอาหารเสริม การส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ (Digital Learning Center)
โดยตอนนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงาน กศน. และ สช. ร่วมศึกษา รวบรวม พัฒนา และขยายผล รูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ที่จะช่วยให้ครูและผู้เรียนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ถือเป็นการการศึกษาออนไลน์ ซึ่งสอดรับกับแนวทางการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ประเด็นการปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ด้วยระบบดิจิทัล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการจัดการเรียนการสอนในระบบดิจิทัลให้โรงเรียนเอกชนได้นำไปใช้ ซึ่งเป็นอีกช่องทางที่ครูจะได้เรียนรู้ด้วย เป็นต้น
ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ร่วมสะท้อนปัญหาและอุปสรรคของการจัดการศึกษา ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในการลงพื้นที่ ข้อมูลทุกๆด้าน จะนำไปสู่การแก้ปัญหา เราจะทลายทุกข้อจำกัดทางการศึกษาเพื่อให้เยาวชนและประชาชนผู้ที่สนใจพัฒนาศักยภาพของตนเองสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ทางการศึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา อย่างไร้พรมแดนและข้อจำกัดอย่างแท้จริงต่อไป”
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน