“นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด” รุกตลาด SUV ด้วยความแตกต่างเหนือระดับ มั่นใจถูกใจลูกค้า ด้วยสมรรถนะ ทรงพลัง ที่เหนือกว่า มีรถพร้อมส่งมอบทันที
· ครั้งแรกของระบบ Pure Drive Hybrid ที่มาพร้อมเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจฉริยะ (Intelligence Dual Clutch System)
· ให้กำลังและแรงบิดดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5L แต่อัตราการสิ้นเปลืองลดลงกว่า 20%
· ระบบ Hybrid ใช้ในย่านความเร็วสูงได้ถึง 120 km/h ให้ความเงียบและความนุ่มนวลในการตัดต่อกำลัง
· เปิดจองพร้อมส่งมอบได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เดินหน้ารุกตลาดเอสยูวีเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค ด้วยการเปิดตัว“นิสสัน
เอ็กซ์เทรล ไฮบริด” ที่มาพร้อมเทคโนโลยีคลัทช์คู่อัจฉริยะ
(Intelligence Dual Clutch System) ที่สามารถตอบทุกรูปแบบของการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบตั้งเป้าจำหน่ายที่ 5,000 คัน หรือ 60% ของยอดจำหน่าย นิสสัน เอ็กซ์เทรล ทั้งหมดของปี 2016
มร. คะซุทากะ นัมบุ ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นิสสันยังคงมุ่งมั่นในการนำเสนอนวัตกรรมที่ตื่นเต้นเร้าใจ หรือ Innovation that Excites ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในทุกๆด้าน
และเพื่อการบรรลุเป้าหมายของความพยายามลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ นอกเหนือจากการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าไร้มลพิษที่นิสสันมีความเป็นผู้นำในระดับโลกแล้วนั้น การสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์พลังงานทางเลือก ถือเป็นอีกส่วนสำคัญในการบรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ นิสสันจึงได้แนะนำ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงานทางเลือกอย่าง นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ สู่ตลาดประเทศไทย ซึ่งนิสสันมีความมั่นใจในสมรรถนะในทุกๆด้านของรถยนต์รุ่นนี้อย่างยิ่ง โดยเชื่อมั่นว่าจะทำให้ลูกค้าที่รอคอยเทคโนโลยีไฮบริดของนิสสัน มีประสบการณ์ที่ประทับใจและเชื่อมั่นกับความเหนือระดับอันแตกต่างที่นิสสันได้พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกค้าในกลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์แบบ SUV และให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีรวมถึงใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม”
มร. โนบูซูเกะ โทคุระ หัวหน้าวิศวกรโครงการพัฒนารถยนต์รุ่น เอ็กซ์เทรล ไฮบริด (Chief Vehicle Engineering – CVE) บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ความโดดเด่นของระบบ นิสสัน เพียวไดรฟ์ ไฮบริด (Pure Drive Hybrid) คือการใช้เทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจริยะ (Intelligence Dual Clutch System) เอกสิทธิ์ของนิสสันที่สามารถประยุกต์ใช้กับรถยนต์วางเครื่องยนต์ด้านหน้า และขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อโดยไม่ต้องมีการดัดแปลงในส่วนอื่นๆเพิ่มเติมให้กับรถยนต์นิสสัน เอ็กซ์เทรล จากรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน มาสู่เครื่องยนต์แบบไฮบริด”
สำหรับเทคโนโลยี คลัทช์คู่อัจริยะ (Intelligence Dual
Clutch System) ประกอบด้วย คลัทช์จำนวน 2 ตัว คลัทช์ตัวที่ 1 ติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ และคลัทช์ตัวที่ 2 อยู่ระหว่างมอเตอร์และเชื่อมต่อกับเกียร์แบบ XTRONIC CVT โดยมีรูปแบบการทำงานดังนี้
เมื่อรถยนต์ต้องการกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ เช่น ช่วงการเร่งแซง หรือ ทำความเร็ว คลัทช์ทั้ง 2 ตัวจะทำงานพร้อมกัน ทำให้เกียร์ CVT ได้รับกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
การขับขี่ในช่วงที่ใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว จะมีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่จากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 จะทำงาน เพื่อถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ส่งไปขับเคลื่อนเกียร์ ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์เพื่อรีชาร์จประจุไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอรี่
เมื่อระบบไม่ต้องการกำลังจากเครื่องยนต์ คลัทช์ตัวที่ 1 ที่อยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ จะตัดการทำงานจากเครื่องยนต์ ผลที่ตามมาคือ เครื่องยนต์จะหยุดการทำงาน ทำให้ไม่มีแรงเสียดทานจากการหมุนของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เหลือเพียงมอเตอร์ไฟฟ้ากับเกียร์เท่านั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว เครื่องยนต์จะทำงานเหมือนกับเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV)
และอีกคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากระบบไฮบริดอื่นๆ คือ ระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะ สามารถทำงานที่ความเร็วได้สูงสุดถึง 120 กม./ชม.ซึ่งเป็นความเร็วที่สูงกว่าระบบไฮบริดทั่วไปอันจะนำมาซึ่งการประหยัดน้ำมันในย่านความเร็วสูงอีกด้วย
ระบบ 4WD สมบูรณ์แบบผ่านระบบคลัทช์คู่อัจฉริยะที่ทั้ง 4ล้อ ได้รับกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง
มร. โทคุระ ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ด้วยความโดดเด่นของระบบดังกล่าว นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ยังคงความเป็นรถยนต์ SUV พันธุ์แกร่งอย่างแท้จริง เฉกเช่นรถยนต์นิสสัน เอ็กซ์เทรล รุ่นปัจจุบัน ด้วยความสามารถของการขับขี่ได้จริงในทุกสภาพถนน โดยมีช่วงล่างยึดเกาะถนน สมรรถนะเครื่องยนต์ตอบสนองที่ดี นั่งสบาย ภายในห้องโดยสารเงียบ
มีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ถือว่าเป็นรถ SUV สำหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ทั้งนี้ นิสสันวางจำหน่าย เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จอย่างสูงจากลูกค้าชาวญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนการขายกว่าครึ่งหนึ่งของยอดจำหน่ายรวมของ เอ็กซ์เทรล ทั้งหมด และยังส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของเอ็กซ์เทรลมีมากถึงกว่า 37% นอกจากนี้แล้ว นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด
ยังถูกเสนอให้เข้ารับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมจากสถาบันต่างๆในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย”
สำหรับประเทศไทย นายประพัฒน์ เชยชม
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย กล่าวว่า “มั่นใจว่ารถยนต์รุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดซึ่งจากผลการวิจัย พบว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีความต้องการในรถยนต์แบบ SUV ที่มีสมรรถนะสูง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยต่างๆ ต้องมีความประหยัด และ ยังมีความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่า รถยนต์ นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริดใหม่ จะตอบโจทย์ของผู้บริโภคในด้านต่างๆได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดเด่นที่เหนือกว่าในด้านต่างๆ รวมถึงคุณภาพและราคาที่คุ้มค่า โดยตั้งเป้าจำหน่ายที่ 5,000 คัน หรือ 60% ของยอดจำหน่าย นิสสัน เอ็กซ์เทรล ในปี 2016”
ประหยัดที่สุดในคลาส
นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ใหม่ มาพร้อมกับ เครื่องยนต์ เบนซิน 2.0 ลิตร MR20DD 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Twin C-VCT ไดเร็ค อินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 41 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า กำลังและอัตราเร่งดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด
2.5 ลิตร โดยเครื่องยนต์ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์ ไม่ใช้สายพาน ช่วยลดแรงเสียดทาน ขณะที่วาล์วไอเสียหล่อโซเดียม เพิ่มการระบายความร้อนของห้องเครื่องได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และมอเตอร์และเทคโนโลยี
คลัทช์คู่อัจฉริยะ รวมถึงเกียร์ XTRONIC CVT พร้อม Manual
Mode 7 สปีด ช่วยให้ เอ็กซ์เทรล ไฮบริด เป็นรถที่มีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่โดดเด่นที่สุดในคลาส โดยประหยัดกว่าเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร อย่างเดียวถึง 20%
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ออพชั่นจัดเต็มเสริมการขับขี่-ปลอดภัย-สะดวกสบาย นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ครบครันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ให้สนุกแต่ยังคงไว้ซึ่งความปลอดภัยรอบด้าน อาทิเช่น ระบบ Advance Chassis Control ที่ประกอบด้วยระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ (ARC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (ATC) ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC) ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมเสริมระบบความปลอดภัยตามแนวคิด Safety shield เช่น โครงสร้างตัวถังนิรภัย (Zone Body Concept) ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง (SRS) และยังเติมเต็มความสะดวกสบายของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็น กุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ภายในห้องโดยสารหรูหราและสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งหนังแท้ โดยเบาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย-ขวา พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่ยังคงขนาดใหญ่ เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบนราบ เพิ่มพื้นที่บรรทุกสิ่งของ ขณะที่ยังคงประตูท้ายเปิดปิดอัตโนมัติ (Auto Lift gate) ที่ได้รับความชื่นชอบจากลูกค้า ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง (AVM) หน้าจอ แสดงผล 3 มิติ (MID) รวมถึงข้อมูล ขับเคลื่อนของระบบไฮบริด
ภายนอกตกแต่งใหม่ หรู สปอร์ต
ภายนอก ติดตั้งไฟหน้า แอลอีดี โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน (DRL) แบบแอลอีดีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของเอ็กซ์เทรล ไฟตัดหมอกหน้า กระจังหน้า คิ้วขอบกันชนหน้า และคิ้วขอบประตูท้ายตกแต่งด้วยโครมสีพิเศษ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวระบบ Heated Mirror ปรับและพับด้วยไฟฟ้า ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ให้ความรู้สึกสปอร์ต ล้ออัลลอย ขนาด
17 นิ้ว ติดตั้งราวหลังคาเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน บรรทุกสิ่งของ สัมภาระ พร้อมสัญลักษณ์ไฮบริดที่ด้านข้างและด้านท้าย
สำหรับแนวทางการสื่อสารการตลาด นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย กล่าวว่า จะเน้นเชิงรุก เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์โฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อออนไลน์ต่างๆ ภายใต้แนวคิดว่า ‘ตอบทุกความสมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต’ หรือ ‘Redefine Your Drive’ รวมถึงเพิ่มการรับรู้จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ และยังมีกิจกรรมทางการขายและการตลาดหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าและผู้สนใจได้มีโอกาสทดสอบสมรรถนะที่โดดเด่นและแตกต่างของระบบ
Nissan Pure Drive Hybrid
นิสสันเอ็กซ์เทรลไฮบริดใหม่ มีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อยเริ่มตั้งแต่ S E และ V มีให้เลือกถึง 5 สีได้แก่ สีขาวสตอร์มไวท์ สีเงิน บริลเลี่ยนท์ซิลเวอร์ สีเขียวมิดไนท์เจด สีเทา ดีพไอริสเกรย์ สีดำ แบล็คสตาร์ และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นิสสัน รับประกันรถยนต์และระบบไฮบริด 3 ปี หรือ 1 แสน กม. และยังรับประกัน แบตเตอรี่ถึง 10 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางอีกด้วย นอกจากนี้นิสสัน เอ็กซ์เทรล ไฮบริด ยังมาพร้อมกับข้อเสนอพิเศษเพื่อการเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยแถมประกันภัยชั้น 1 (Nissan Premium Protection) 1 ปี พร้อมฟรีค่าบำรุงรักษา 60,000 กม.หรือ 36 เดือน และอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.79%