วีเจสาว ย้ำชัดคำยืนยันที่ไม่ได้หลอกลวงเอาเงินล้านมาจากใคร รถป้ายแดงคันใหม่ก็ซื้อเอง หนุ่มเคยโอนมาให้ แต่โอนกลับคืนไปหมดแล้ว
จากกรณีลูกชายวัย 28 ปี ลักขโมยเงินของผู้เป็นแม่กว่า 1.2 ล้านบาท เพื่อนำมาปรนเปรอวีเจสาวในแอปพลิเคชั่น จนกลายเป็นประเด็นข่าวโด่งดังในสังคม เพราะผู้เป็นแม่เข้าแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งภายหลัง “วีเจสาว” ที่ตกเป็นคู่กรณีได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงเรื่องราวดังกล่าว เมื่อวานนี้ (20 ก.ค.)
น.ส.โฟร์ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี วีเจสาวที่ต้องเป็นคู่กรณีดังกล่าว ได้นั่งแถลงข่าวพร้อมกับพี่สาว โดยชี้แจงว่า “ไม่ทราบเงินมาจากไหน เขาบอกว่ามันเป็นเงินของพี่ พี่เป็นคนหาเงิน โดยมีหลักฐานจากการส่งไลน์ เปิดร้านตัดสติ๊กเกอร์ แม่ขายของชำ เรื่องรายได้มีมากน้อยไม่ทราบ ไม่ได้ออกมาเพื่อฟ้องร้อง แค่ออกมาบอกเรื่องทั้งหมด ซึ่งแนตคู่กรณีอีกฝ่ายรู้ดีอยู่แก่ใจ อยู่ที่เขาจะพูดหรือเปล่า ย้ำไม่ได้เงินถึง 1.2 ล้านบาท คุณเต็มใจโอนเงินมาเพื่อจะเล่นเกม มีเงินเหลือก็ให้ส่วนตัว ก็เพื่อแฟนกันให้ส่วนตัว”
วีเจสาวได้บอกว่า ตนเพิ่งรู้จักกับ นายระพีพัชร เมื่อเดือนมีนาคม 2559 ผ่านแอบพลิเคชั่น “ไอโชว์” และตกลงคบหาดูใจกันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายระพีพัชรเล่นแอพพลิเคชั่นนานแล้ว ก่อนหน้าที่ตนเองจะเข้ามาทำงานที่นี่ บางคนทราบว่า นายระพีพัชร เคยส่งไอคอนของขวัญให้คนอื่นๆ หมดค่าใช้จ่ายเป็นหลักแสน
ส่วนกรณีที่ว่า นายระพีพัชร ขโมยเงินจากบัญชีของแม่ ยอดเงินรวมประมาณ 1.2 ล้านบาทนั้น ตนไม่ทราบว่าเขานำไปใช้ตรงส่วนไหนอย่างไรบ้าง เพราะตนเป็นเพียงวีเจคนหนึ่งในจำนวนหลายๆ คน ที่ นายระพีพัชร ติดต่อพูดคุยผ่านแอพฯ ดังกล่าว ส่วนยอดค่าใช้จ่ายที่นายรพีพัชรส่งไอคอนมอบเป็นของขวัญให้กับตนนั้น ไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพราะต้องตรวจสอบกับทางบริษัท
สำหรับเงินที่ นายระพีพัชร โอนให้ตนผ่านบัญชีของตนนั้น ไม่ถึงจำนวน 1.2 ล้านบาท แต่เป็นจำนวนเงินประมาณ 400,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ นายระพีพัชร ฝากตนซื้อคูปองสำหรับใช้จ่ายในแอพพลิเคชั่น จำนวน 260,000 บาท ส่วนเงินที่เหลือเป็นเงินที่ นายระพีพัชร โอนให้ใช้ส่วนตัวระหว่างคบหาดูใจกัน หากเงินส่วนไหนตนยืมก็โอนคืนให้ทุกครั้ง
ส่วนเรื่องรถยนต์ป้ายแดงที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ยืนยันเป็นเงินของตนเองกับพี่สาว โดย นายระพีพัชร ได้โอนมาช่วยเหลือจำนวนเกือบ 100,000 บาท แต่ แม่นายระพีพัชร กล่าวแย้งว่าเป็นเงินของแม่ ไม่ใช่เงินของ นายระพีพัชร ตนจึงโอนคืนไปให้แล้ว ซึ่งทำให้เงินออกรถไม่มีเงินของ นายระพีพัชร แม้แต่บาทเดียว
กรณีที่มีข่าวว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปบ้านเกิดตนที่ จ.ลำปาง เพื่อสู่ขอกับพ่อแม่ ยืนยันว่าไม่ถึงขั้นนั้น ที่ผ่านมาพ่อแม่ตนเองยังไม่เคยเห็นหน้า นายระพีพัชร มีเพียงพี่สาวที่เคยเจอ สถานะก็เพียงแค่กำลังศึกษากัน ไม่ถึงขั้นเรียกว่าแฟน ส่วนเรื่องที่ว่าตนได้ให้ทนายความโทรไปขู่จะฟ้องร้องแม่ของนายระพีพัชรที่ทำให้ตนเสียหาย ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
น.ส.โฟร์ วีเจสาวรายนี้ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่คิดจะแจ้งความกลับแต่อย่างใด แต่อยากขอความเป็นธรรมจากสังคม พร้อมกันนี้ยังได้นำหลักฐานข้อมูลการพูดคุยผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ระหว่างวีเจสาวและนายระพีพัชร รวมถึงบัญชีรายได้จากการได้ไอคอนของขวัญในการเป็นวีเจมาแสดงต่อสื่อมวลชนที่มาทำข่าวอีกด้วย