28 สิงหาคม 2562, เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม กลุ่มพนักงาน อดีตพนักงานเหมืองทองเหมืองแร่ทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย ผู้นำชุมชน และประชาชนที่อาศัยอยู่รอบเหมืองแร่ทองคำชาตรี จ. พิจิตร จำนวนกว่า 20 คน ได้เดินทางมาพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแสดงความขอบคุณและมอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้แก่ รัฐมนตรีฯ และคณะทำงาน หลังได้ทราบข่าวที่รัฐบาลไทยแสดงท่าทีที่ยินดีเปิดโอกาสยินดีเจรจากับ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดดเต็ด จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการเหมืองฯ เพื่อ พูดคุย หาทางออกร่วมกัน ให้ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายตามที่มีการนำเสนอข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยมีนายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดี กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นตัวแทนพบกับกลุ่มประชาชนและรับมอบหนังสือขอให้พิจารณาให้เหมืองแร่ทองคำฯ ได้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนมีงานทำ และเศรษฐกิจในพื้นที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ นายภูดิท อินสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัด พิจิตร เขต 2 ได้เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ที่เดินทางมาในครั้งนี้ด้วย
นายไพฑูรย์ สิงโตทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านหนองขนาก ต. เขาเจ็ดลูก อ. ทับคล้อ จ. พิจิตร กล่าวว่า ตนและกล่มชาวบ้านที่มาในวันนี้ทุกคนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เมื่อทราบข่าวว่ารัฐบาลกับบริษัทฯ จะเจรจากัน เพราะอยากให้เหมืองแร่ทองคำชาตรีได้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง และหวังว่าผลการเจรจาระหว่างระหว่างรัฐบาลกับเหมืองทองอัครา จะเป็นไปได้ด้วยดี
“พวกเรามั่นใจว่าเหมืองไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตามที่มีคนเคยกล่าวหาไว้ และไม่ได้มีความขัดแย้งในพื้นที่แต่อย่างใด ที่ผ่านมาเป็นเรื่องของผู้เสียผลประโยชน์บางกลุ่มเรื่องการค้าที่ดิน และส่วนใหญ่เป็นประชาชนจากนอกพื้นที่เข้ามาสร้างความเข้าใจผิด พวกเราขอยืนยันว่าประชาชนที่อาศัยอยู่รอบเหมืองทองฯ ในพื้นที่ตัวจริง และเป็นคนส่วนใหญ่สนับสนุนให้เหมืองทองเปิดดำเนินการเพราะหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็น ด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากการมีเหมืองทองนั้นดีต่อชุมชน เพราะได้นำคนกลับบ้าน หมายความว่าทำให้ประชาชนในพื้นที่มีงานทำ ได้รับเงินเดือนค่าจ้างประจำ มีรายได้ที่แน่นอน ช่วยส่งเสริมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีสามารถส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวได้ และที่สำคัญมีได้อยู่กับครอบครัว ไม่ต้องอพยพเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ ที่ต้องย้ายถิ่นฐาน”
ด้าน นางกุลจิรา เพ็ชรภักดิ์ ประชาชนหมู่ 8 บ้านดงหลง ตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์อาชีพค้าขาย รอบเหมืองทองกล่าวว่า หากเหมืองแร่ทองคำกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง เชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่กลับมาคึกคัก ครึกครื้น มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เพราะผู้คนมีรายได้ มีความสุข ไม่เครียด เนื่องจากในปัจจุบันเศรษฐกิจซบเซา และชะงักงัน ผู้คนไม่มีกำลังซื้อ ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจในพื้นที่ในปัจจุบันแย่มาก พ่อค้าแม่ค้าเพิ่มมากขึ้น แต่คนซื้อของน้อยลง หลายคนเมื่อตกงานก็พยายามกู้หนี้ยืมสินมาเปิดกิจการค้าขาย แต่ก็ต้องปิดตัวลงเพราะคนในพื้นที่ไม่มีกำลังซื้อ
ในขณะที่พนักงานและอดีตพนักงาน ของเหมืองทองฯ ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกตนทำงานในเหมืองตลอด ไม่เคยมีปัญหาสุขภาพเรื่องสารโลหะหนักในร่างกายเลย ผลการตรวจสุขภาพประจำปีแข็งแรง ปลอดภัย
นายบำรุง ทาแดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต. เขาเจ็ดลูก อ. ทับคล้อ จ. พิจิตร กล่าวว่า นอกจากเรื่องของการจ้างงานแล้ว หากเหมืองได้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง ก็จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาชุมชนด้วย เนื่องจากจะได้มีค่าภาคหลวงที่สามารถนำมาพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ในพื้นที่ รวมทั้งสนับสนุนงานกิจกรรมเพื่อพัฒนาชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการด้านการเกษตรที่ปกติทางเหมืองทองฯ จะให้การสนับสนุนเรื่องอาชีพแก่คนในชุมชนแทบทุกกิจกรรม แต่เมื่อเหมืองปิดไปทำให้การช่วยเหลือตรงนี้ก็ชะงักไปด้วย
“พวกเราขอยืนยันว่าไม่มีผลกระทบทั้งทางด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ และไม่มีความขัดแย้งของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ พวกเราอยากขอเรียนเชิญท่านรัฐมนตรีฯ และคณะได้ลงไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเองจะทราบถึงข้อเท็จจริง เสียงสะท้อนจากคนในพื้นที่ตัวจริงว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร และสภาพความเป็นอยู่ในขณะนี้ของประชาชนรอบเหมืองทองฯ เป็นอย่างไร ปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องเหมืองทองสร้างผลกระทบ แต่เป็นเรื่องปากท้อง”
ยุทธ ศรีทองสุข