อภัยภูเบศร จัดมหกรรมสุขภาพอาเซียนยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปี 8 ประเทศ ขนนวัตกรรมภูมิปัญญาโชว์ รมช.ศธ.แนะใช้กัญชาเป็นสื่อเรียนรู้วิทยาศาสตร์แทนถั่วงอก รมช.ศึกษาฯ เอาจริง ผลิตหลักสูตร “กัญชาพาเรียนวิทยาศาสตร์” พร้อมตอบสนองในทุกมิตินำร่อง กศน. พร้อมขยายสู่ อสม. ชี้ทุกคนต้องเรียนรู้ เพื่อการส่งเสริมกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.62 ที่ผ่านมา ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “กัญชาพาเรียนวิทยาศาสตร์” ร่วมกับ ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานยุทธศาสตร์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และเยี่ยมชมงานมหกรรมภูมิปัญญาอาเซียน จัดโดยโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ณ ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ จังหวัดปราจีนบุรี
ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในฐานะที่เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ตั้งแต่ปลูก สกัด มายาวนานและยังได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ดำเนินการคลินิกกัญชาทางการแพทย์ วันนี้ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยเองเราพัฒนาเรื่องกัญชาช้ากว่าประเทศอื่นทั้งในอาเซียนและทวีปอื่นๆ หลายสิบปี ทั้งในทางการแพทย์ สันทนาการและนันทนาการ เราเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไม่เฉพาะกัญชาเท่านั้น แต่เราสูญเสียงบประมาณในการนำเข้ายาและเวชภัณฑ์จำนวนมหาศาลในแต่ละปี เลยจุดประกายความคิดและอยากมีส่วนร่วมจึงได้เสนอให้มีการผลิตหลักสูตร “กัญชาพาเรียนวิทยาศาสตร์” เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ ทุกเพศทุกวัย ในทุกมิติของสังคม ที่สำคัญต้องรู้จริง รู้ลึก รู้ถึงประโยชน์ รู้ถึงโทษ ของกัญชาทุกมิติ ตามความเหมาะสมของช่วงอายุ ช่วงวัย ตามการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และจากที่ได้นำเสนอความคิดนี้ไปก่อนหน้านี้ ก็มีความเห็นมากมาย ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คนไม่เห็นด้วยก็เกรงว่าจะกระทบถึงความเหมาะสม จึงอยากให้ท่านที่ยังมีคำถาม ให้มาเรียนรู้ที่อภัยภูเบศร ที่ภูมิภูเบศร ซึ่งมีการทดลอง วิจัย สมุนไพรหลายชนิด และต่อยอดพัฒนากัญชาในทางการแพทย์ อยากให้สังคมได้เรียนรู้ร่วมกันทั้งส่วนของภาคสาธารณสุขที่ใช้กัญชาเป็นสมุนไพรทางเลือก และขับเคลื่อนมิติของกฎหมาย ปกป้องกัญชาไทยให้สามารถใช้กับคนไทย พัฒนาเป็นสินค้าส่งออก สอดคล้องกันจากความต้องการ และจากการผลิต ไม่มากเกินไปทางการตลาด เป็นพืชเศรษฐกิจ ที่จะสร้างรายได้เข้าประเทศ” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว
ดร. กนกวรรณฯ กล่าวด้วยว่า จากการหารือในเบื้องต้นจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อผลิตหลักสูตร “กัญชาพาเรียน” และจะบรรจุเข้าไปอยู่ในการเรียนการสอนของ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ สำนักงาน กศน. โดยจะจัดการศึกษาในภาคปฏิบัติ คือ เรียนรู้จากพื้นที่จริงโดยมีรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรเป็นพี่เลี้ยง และควบคุมคุณภาพของผู้เรียนตลอดหลักสูตร จากนั้นจะคัดเลือกผู้เรียนที่มีความพร้อมเพื่อเป็นเครดิตในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายผลไปสู่ อสม. ที่อยู่ใกล้ชิดชุมชน ให้มีความรู้ ความเข้าใจ และอบรมหลักสูตรระยะสั้น เพื่อเป็นเส้นทางสายอาชีพ ยกระดับ อสม.เพื่อไปสู่นวัตกร ในพื้นที่ EEC. ต่อไปในอนาคต
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน