ไอเอสอ้างอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ขับรถบรรทุกบดขยี้ผู้คนกลางงานฉลองวันชาติฝรั่งเศสที่เมืองนีซ โวหนุ่มตูนิเซียเป็นหนึ่งในทหารรัฐอิสลามที่ปฏิบัติการสนองเสียงเรียกร้องให้โจมตีประเทศกองกำลังพันธมิตร ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยแล้ว 5 ราย รวมถึงภรรยาผู้ก่อการร้ายรายนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม อ้างแถลงการณ์ของสำนักข่าวอามัก ที่มีความโยงใยกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ว่ากองกำลังญิฮาดกลุ่มนี้ได้ประกาศตนว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่เมืองนีซในแคว้นริเวียราของฝรั่งเศส เมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าคนร้ายที่ปฏิบัติการขับรถพุ่งชนผู้คนบนถนนเลียบชายหาดพรอเมอนาดเดซ็องเกลส์ เป็นทหารคนหนึ่งของรัฐอิสลาม
“เขาปฏิบัติการครั้งนี้ตามเสียงเรียกร้องให้โจมตีประชาชนของประเทศที่เข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรที่ต่อสู้กับรัฐอิสลาม” คำแถลงของไอเอสกล่าว
เอเอฟพีรายงานว่า พนักงานสอบสวนของฝรั่งเศสยังไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างโมหะเหม็ด ลาอูเอจ์-บูห์เลล ชายชาวตูนิเซียวัย 31 ปีรายนี้ กับกลุ่มนักรบญิฮาดใดๆ และยังไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนคำกล่าวอ้างของไอเอส
รายงานยังอ้างคำกล่าวของโมหะเหม็ด มอนด์เฮอร์ ลาอูเอจ์-บูห์เลล พ่อของผู้ก่อการร้ายรายนี้ด้วยว่า ลูกชายเป็นโรคซึมเศร้า และ “ไม่เกี่ยวโยง” กับศาสนา เขายังเคยมีอาการสติแตกหลายครั้งระหว่างปี 2555-2557 เขาจะโมโห ร้องตะโกนและทำลายข้าวของ ส่วนเพื่อนบ้านของเขาเปิดเผยว่า ชายที่ประกอบอาชีพคนส่งของรายนี้ชอบเก็บตัวเงียบ เขาและภรรยามีลูก 3 คน แต่ภรรยาต้องการแยกทางหลังจากทั้งคู่ทะเลาะและมีการใช้กำลัง
ทางการฝรั่งเศสกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ลาอูเอจ์-บูห์เลลไม่ได้อยู่ในรายชื่อเฝ้าจับตาของหน่วยข่าวกรอง แต่เขามีประวัติก่อคดีอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ และคดีใช้ความรุนแรงในครอบครัว โดยไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างเขากับกลุ่มก่อการร้าย กระนั้น ฟรังซัวส์ โมแลงส์ อัยการแผนกต่อต้านการก่อการร้ายกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้สอดคล้องต้องกันกับเสียงเรียกร้องของกลุ่มญิฮาดที่ขอให้ผู้สนับสนุนตนสังหารผู้คนในประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา
แบร์นาร์ กาซเนิฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเมื่อวันเสาร์ ย้ำว่า ลาอูเอจ์-บูห์เลลไม่ใช่บุคคลที่หน่วยข่าวกรองเฝ้าจับตา และดูเหมือนว่าเขาจะกลับกลายเป็นบุคคลที่มีความคิดหัวรุนแรงอย่างรวดเร็วมาก การสังหารหมู่ครั้งนี้ถือเป็น “การโจมตีรูปแบบใหม่” ที่แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากสุดขีดของการต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย
ข่าวสั้นจากสถานีวิทยุอัลบายันของไอเอสประกาศเช่นเดียวกันว่า “ทหาร” ของไอเอสได้ก่อ “ปฏิบัติการพิเศษครั้งใหม่โดยใช้รถบรรทุก” ทั้งยังเตือนด้วยว่า พวกชาติตะวันตกจะไม่รอดพ้นการโจมตีของนักรบมุญาฮิดีน ไม่ว่าประเทศเหล่านี้จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากเพียงใด
กลุ่มไอเอสก็เคยอ้างว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มมือปืนและมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีกรุงปารีสของฝรั่งเศส ที่เข่นฆ่าผู้คนถึง 130 คนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ส่วนเหตุการณ์ที่กลุ่มมือปืนสังหารหมู่ที่นิตยสารชาร์ลีเอบโดและที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชาวยิวเมื่อเดือนมกราคม 2558 นั้น ถูกโยงว่าเกี่ยวพันทั้งกับกลุ่มไอเอสและอัลกออิดะห์
ทางการฝรั่งเศสระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 84 คนจากการถูกรถบรรทุกน้ำหนัก 19 ตันที่เช่ามา ไล่ชนเป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตรเมื่อคืนวันพฤหัสบดี ก่อนที่คนขับจะโดนเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต ผู้เสียชีวิตยังรวมถึงเด็กและวัยรุ่นอย่างน้อย 10 คน และชาวต่างชาติหลายราย ได้แก่ คนอเมริกัน 2, เยอรมนี 2 คน, สวิส 2 คน, ตูนิเซีย 3 คน, แอลจีเรีย 3 คน, ชาวยูเครน, อาร์เมเนียและรัสเซียชาติละคน โฆษกของโรงพยาบาลเมืองนีซเปิดเผยว่า ยังมีผู้เสียชีวิต 16 คนที่ยังไม่สามารถระบุเอกลักษณ์บุคคลได้
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ โอลลองด์ ซึ่งได้ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศนาน 3 วันให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการโจมตีที่เขาระบุชัดว่าเป็นการก่อการร้ายครั้งนี้ ได้กล่าวเตือนด้วยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นเนื่องจากในกลุ่มผู้บาดเจ็บ 202 คนนั้น 52 คนยังอาการวิกฤติ
ตำรวจฝรั่งเศสได้จับกุมผู้ต้องสงสัยที่มีความเกี่ยวโยงกับผู้ก่อการร้ายรายนี้ไว้แล้วอย่างน้อย 5 คน สองคนถูกจับกุมตั้งแต่วันศุกร์ อีก 3 คนถูกจับกุมเพิ่มในวันเสาร์ ภรรยาที่แยกกันอยู่กับเขาเป็นหนึ่งในนี้ด้วย
โฆษกของรัฐบาลฝรั่งเศสแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีโอลลองด์ซึ่งได้เรียกประชุมรัฐมนตรีหารือวิกฤติที่ทำให้รัฐบาลขยายภาวะฉุกเฉินต่อไปอีก 3 เดือน ได้เรียกร้องให้ฝรั่งเศสมีความเป็นเอกภาพ ในช่วงเวลาที่มีความพยายามสร้างความแตกแยกในประเทศนี้
ที่สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสันติบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางรัก ทั้งนอกและในเครื่องแบบ เพิ่มการตรวจตราอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อวันเสาร์ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเผยว่า มาดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้สึกปลอดภัยในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่หลัก