รายแรก!ผู้หญิงแพร่ไวรัส’ซิกา’สู่คนรักในสหรัฐฯ หลังมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสซิกามากที่สุดคือ กลุ่มสตรีตั้งครรภ์ ซึ่งหากติดเชื้อแล้วจะทำให้ทารกในครรภ์ได้รับอันตราย คือจะทำให้เด็กมีศีรษะเล็กกว่าปกติ
เอเอฟพี – พบผู้หญิงคนหนึ่งแพร่เชื้อไวรัสซิกาไปยังผู้ชาย ระหว่างทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์กันแบบไม่ป้องกัน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนิวยอร์กซิตี สหรัฐฯในวันศุกร์(15ก.ค.) นับเป็นกรณีแรกที่ไวรัสซิกาแพร่เชื้อจากสตรีสู่บุรุษผ่านการมีเซ็กซ์
ก่อนหน้านี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญทราบแต่เพียงกรณีที่ผู้ชายแพร่เชื้อไวรัสซิกาแก่ฝ่ายหญิงระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ เช่นเดียวกับการติดต่อผ่านการถูกยุงกัด “มันเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คาดหมายไว้แล้ว” เจย์ วาร์มา รองคณะกรรมาการของสำนักงานสาธารณสุขนิวยอร์กซิตีกล่าว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ระบุว่ากรณีนี้เกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ได้ตั้งครรภ์ในวัย 20 ปีเศษๆ ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยกับชายคนรักเพียงครั้งเดียว ในวันที่เธอเดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่ไวรัสซิกากำลังระบาดอยู่
ในรายงานไม่ได้ระบุว่าผู้หญิงคนนี้ติดเชื้อไวรัสมาจากที่ไหน แต่ในวันต่อมาหลังจากเดินทางกลับ เธอมีอาการไข้ ปวดหลัง มือและเท้ามีอาการบวมชา ก่อนผลตรวจเชื้อซิกาจะออกมาเป็นบวก
6 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ คนรักของเธอในวัย 20 ปีเศษๆเช่นกัน ก็มีอาการไข้ เป็นผื่น ปวดข้อและตาแดง แม้ว่าเขาไม่ได้เดินทางออกนอกสหรัฐฯตั้งแต่ปีก่อน และไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น หรือถูกยุงกัดในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้าล้มป่วยเลย
“รายงานจากนิวยอร์ก ซิตี เกี่ยวกับการแพร่เชื้อไวรัสซิกาจากหญิงสู่ชายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ นับเป็นกรณีแรกของไวรัสซิกา ที่แพร่จากผู้หญิงสู่ชายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และมันทำให้เรารู้เกี่ยวกับการติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ของไวรัสซิกามากขึ้น” ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ (ซีดีซี)ระบุ
ไวรัสซิกาเป็นต้นตอของภาวะพิการแต่กำเนิด ในนั้นรวมถึงความผิดปกติของสมองและกะโหลก ที่เรียกว่าโรคศรีษะเล็ก( Microcephaly)
เหล่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเรียกร้องหญิงตั้งครรภ์ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสซิกา และละเว้นการมีเพศสัมพันธ์ หากว่าคู่นอนไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง เดินทางไปหรือเคยใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีไวรัสซิกาปรากฏตัวอยู่