ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหลังวัดป่าเขาแก้วโพธิญาณ หมู่ 5 ตำบลวังโป่ง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มีชาวบ้านกว่า 20 ราย รวมตัวกันคัดค้าน ไม่ยอมให้ แม่ชีสุภัค เอี่ยมน้อย อายุ73ปี ซึ่งกำลังว่าจ้างให้คนงานดำเนินการขุดหลุม จำนวน 98 หลุม เพื่อฝังหลักทำรั้วเขตแดนของทางวัด ซึ่งได้กินเนื้อที่เข้าไปเกือบหมดเส้นทางสาธารณะประโยชน์ ที่ชาวบ้านใช้เทียวไปไร่ไปนา มานานกว่า 30 ปีแล้ว โดยมี ตัวแทนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอวังโป่ง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังโป่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน เข้าร่วมเจรจา ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด และมีการโต้เถียงกันเป็นระยะ
นาย สุวโรจน์ นนท์มโนสิทธิ์ อายุ 42 ปี อาศัยอยู่เลขที่ 30 หมู่ 10 ตำบลวังโป่ง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินติดกับทางสาธารณะประโยชน์ กล่าวว่า เดิมทีชาวบ้านใช้เส้นทางนี้ สัญจรไปไร่ไปนากันมาช้านาน ก็ไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้ได้รับงบสนับสนุนจากทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำเครื่องจักรกลมาปรับปรุงเส้นทาง และลงดินลูกรัง เพื่อให้สามารถสัญจรไปมา และขนส่งพืชผลทางการเกษตรได้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งตนก็มีความยินดีเป็นอย่างมาก จึงได้สละพื้นที่ข้างเคียงให้ขยายเส้นทาง เพื่อไม่ให้กระทบกับแนวต้นไม้เดิมที่อยู่ติดถนนฝั่งเขตวัด กระทั่งทำถนนแล้วเสร็จ จนชาวบ้าน และเกษตรกร ต่างพากันสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก และปลอดภัย
กระทั่งล่าสุด ชาวบ้านพบว่า แม่ชีสุภัค เอี่ยมน้อย อายุ73ปี ได้ว่าจ้างคนงานให้มาดำเนินการขุดหลุมเพื่อเตรียมฝังเสาหลักทำรั้ว จำนวน 98 หลุม โดยกินพื้นที่ถนนสาธารณะประโยชน์จนเกือบหมด ระยะทางยาว ประมาณ 150 เมตร ส่งผลให้ชาวบ้านและเกษตรกร จะไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าว เทียวไปไร่ไปนาได้เช่นเดิม จึงพากันรวมตัวคัดค้าน พร้อมประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เข้าร่วมเจรจาข้อพิพาท ระหว่างชาวบ้านกับแม่ชี ซึ่งเบื้องต้น ยังคงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ โดยทางฝ่ายแม่ชี ยืนยันขอเอกสารที่ชี้ชัดว่าเป็นทางสาธารณะประโยชน์มาแสดงให้ดูเสียก่อน ส่วนทางฝ่ายชาวบ้าน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สปก.) มาดำเนินการชี้ชัดขอบเขตหลักแดนของทางวัด ว่ามีพื้นที่คลอบคลุมถึงเขตทางสาธารณะหรือไม่
ด้าน แม่ชีสุภัค เอี่ยมน้อย อ้างว่า พื้นที่บริเวณที่เป็นทางสาธารณะประโยชน์เดิมนั้น อยู่ในเขตพื้นที่ของทางวัด จึงเตรียมดำเนินการขุดหลุมฝังหลักทำแนวรั้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนสัญจรเข้า-ออกผ่านเขตวัด อีกทั้งก่อนหน้านี้ ระหว่างดำเนินการปรับปรุงเส้นทาง ก็ไม่มีใครมาแจ้งกับตน หรือทางวัดให้รับทราบ แต่กลับนำเครื่องจักรกลเข้ามาทำถนน จนต้นไม้และกอไผ่ได้รับความเสียหายบางส่วน ซึ่งหากชาวบ้านยังคงคัดค้าน ก็ให้หาหลักฐาน นำมาแสดงว่าบริเวณดังกล่าว เป็นถนนสาธารณะประโยชน์อย่างถูกต้อง
เดชา มลามาตย์/มนสิชา คล้ายแก้ว