เมื่อวันที่ 15 ก.ค.เวลา 13.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่กรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับนายซักเคีย แอลแบคดอร์จ (H.E. Mr. Tsakhia Elbegdorj) ประธานาธิบดีมองโกเลีย ระหว่างการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 11 (ASEM 11) โดยพลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังว่านายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณรัฐบาลและประชาชนชาวมองโกเลียที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในการเข้าร่วมการประชุม ASEM11 ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรก และรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมามองโกเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม
ผู้นำทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมองโกเลียดำเนินมากว่า 40 ปี มีความร่วมมือที่ใกล้ชิดและมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และหวังว่า ประธานาธิบดี และผู้บริหารระดับสูงของมองโกเลียจะมีโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการในอนาคต ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหมืองแร่ พลังงาน การรักษาพยาบาล การท่องเที่ยว การเกษตร และความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนา
ด้านการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรียินดีที่มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศในปี 2558 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 18.92 โดยหวังว่าไทยและมองโกเลียจะสามารถเพิ่มพูนมูลค่าการค้าระหว่างกันได้มากขึ้นอีก นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลมองโกเลียที่ได้ดูแลการลงทุนของบริษัทไทยในมองโกเลีย ซึ่งไทยเห็นว่ามองโกเลียเป็นประเทศที่มีศักยภาพ อีกทั้งไทยยังมีนโยบายสนับสนุนให้ภาคเอกชนไทยขยายการลงทุนในตลาดใหม่
ด้านวิชาการและการพัฒนา ไทยและมองโกเลียยินดีที่ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองประเทศมีมากว่า 20 ปี โดยเฉพาะในลักษณะทุนฝึกอบรม ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีหวังว่าหลักสูตร International Events and Hospitality ที่ฝ่ายไทยจัดให้แก่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศมองโกเลีย เมื่อปลายปีที่แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมการจัดประชุม ASEM11 ในครั้งนี้ นอกจากนี้ไทยยังยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ความร่วมมือไตรภาคีระหว่างไทย-มองโกเลีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ผู้นำทั้งสองยินดีที่ทราบว่าความร่วมมือด้านการพัฒนาสิ่งทอผสมระหว่างไหมไทยกับแคชเมียร์มีความคืบหน้า และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความร่วมมือกันต่อไป โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อความร่วมมือในด้านนี้ และได้จัดสรรงบประมาณกว่า 5 ล้านบาทสำหรับดำเนินโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาต้นแบบสินค้าไหมไทยและแคชเมียร์ ซึ่งได้ทราบว่ามีการจัดแสดงผลการวิจัยแล้ว ความร่วมมือในกรอบความร่วมมือเอเชีย นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณมองโกเลียที่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมและสนับสนุนไทยในการจัดการประชุมรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ 14 เมื่อเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ย้ำคำเชิญผู้นำมองโกเลีย เข้าร่วมการประชุมสุดยอด ACD ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม 2559 ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งขอความร่วมมือในการเชิญชวนประเทศสมาชิกเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของมองโกเลียในเวทีความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ โดยประธานาธิบดีมองโกเลียมีบทบาทในการส่งเสริมเรื่องประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม สันติภาพ และความมั่นคง อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับบทบาททางการทูตของมองโกเลีย ที่ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศต่างๆ ภายใต้นโยบาย “ประเทศเพื่อนบ้านที่สาม” ตลอดจนมีข้อริเริ่มที่ได้รับการยอมรับ เช่น Ulaanbaatar Dialogue on Northeast Asian Security โดยนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยว่า รัฐบาลไทยอยู่ในระหว่างการดำเนินการปฏิรูปประเทศในหลายๆ ด้าน เพื่อให้ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน รวมถึงเป็นสังคมประชาธิปไตยที่มั่นคงและให้ภาคส่วนต่างๆ มีส่วนร่วม