เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 เวลาประมาณ 18.00 น.: พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป.,พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รองผบก.ป.,พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม รองผบก.ป.,พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป., พ.ต.อ. ชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.กก.สส.ภจว.อุทัยธานี พ.ต.ท.อนุชา ธนะอุดม, พ.ต.ท.อรรถพล พานประทีป ,พ.ต.ท.วิวัฒน์ จิตโสภาสกุล,พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก กก. 3 บก.ป.,พ.ต.ท.เรืองยศ เกสรบัว รอง ผกก.สส. กก.สส.ภจว.อุทัยธานี พ.ต.ท.วันรบ สมศักดิ์ รอง ผกก.สส.สภ.นาโพธิ์,พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ต.เอนก บุญตา สว.กก.3 บก.ป.,ร.ต.อ.ชุมพร เพชรเลิศ,ร.ต.อ.สันติชัย ศรีสวัสดิ์,ร.ต.อ.กรพงศ์ วงษาลังการ รอง สว.กก.3 บก.ป.,ร.ต.ท.วิรัช เกิดผลรองสว.(ป)ฯ,ด.ต.บำเหน็จ สีลาแยง,ด.ต.ชลอ วัฒสืบแถว ,ด.ต.สุริยา โพธิ์ศรี, ด.ต.อมรรัตน์ อนุทัย, ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป. ชุดจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภจว.อุทัยธานี ประกอบด้วย พ.ต.ต.สิทธินันท์ วิสุทธิ์ สว.ฯ ร.ต.อ.ธงชัย รักกสิกร รองสว.ฯ ร.ต.อ.ณวพล ทรัพย์ประเสริฐ รองสว.ฯ ด.ต.ศักรินทร์ เกตุกิจ ด.ต.อนุ วันฟู ด.ต.สมพร เนินพลับ ด.ต.ศรรัฐ อ่างคำ ด.ต.วิรัตน์ พุกนิล ผบ.หมู่ฯ ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.ธวัลกร แคฝอย อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ 179/2562 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2562
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” พฤติกรรมในการจับกุมกล่าวคือ
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2562 สภ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ได้รับการร้องทุกข์จาก แม่เฒ่าวัย 80 ปี ชื่อนางนวลศรี สิงห์ไธสง อายุ 80 ปี และ นายลี สิงห์ไธสง อายุ 80 ปี สองสามีภรรยาซึ่งปกติจะอยู่บ้านตามลำพัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.62 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. ตั้งใจตำส้มตำให้หญิงอ้างเป็นเพื่อนลูกสาว หลังบอกหิวโซ สุดท้ายขโมยเงิน กว่า 10,000 บาท ทองอีก 1 บาท ตอนนั้นตนนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านคนเดียว ได้มีหญิงอายุประมาณ 40 ปี รูปร่างท้วม ผมประบ่า ขี่รถจักรยานยนต์สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาจอดหน้าบ้าน ตนจึงถามว่า “มาหาใคร” หญิงคนนั้นก็ถามว่า “ลูกสาวยายชื่ออะไร” ตนจึงตอบไปว่า “ทองคำ” จากนั้นหญิงดังกล่าวก็บอกว่า “ลูกสาวยายสั่งซื้อน้ำผึ้ง 1 ขวด ราคา 150 บาท จะมาขอเก็บเงิน” ตนจึงเดินไปหยิบเงินที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อในมาให้ 150 บาท
จากนั้น หญิงดังกล่าวก็มาตีสนิทอ้างเป็นเพื่อนกับลูกสาว บอกหิวข้าว ยายจึงเห็นใจจะตำส้มตำมาให้กิน และเข้าไปเตรียมเครื่องปรุงในห้องครัวในบ้าน เมื่อหญิงคนนั้นเห็นก็บอกให้ยายมาตำส้มตำข้างนอก โดยยกครก ยกสาก และเครื่องปรุงขนออกมานอกบ้าน ก่อนจะอ้างว่า ปวดท้องขอเข้าห้องน้ำ ยายจึงชี้ให้ไปเข้าห้องน้ำในบ้านโดยไม่ได้เอะใจอะไร ไม่นานก็ขอเข้าอีก 2 ครั้ง ยายเห็นลูกสาวหน้าตาเพลีย ๆ คิดว่าคงจะหิว จึงบอกให้สามีออกไปซื้อไก่ย่างมาเพิ่มอีก เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนลูกสาว ระหว่างที่ตนไปหาแก้วหาจานภายในบ้านออกมา ก็ไม่เห็นหญิงสาว จนกระทั่งสามีซื้อไก่ย่างเข้ามา ก็ไม่พบหญิงคนนั้นแล้ว จึงเริ่มเอะใจเข้าไปดูที่เก็บเงิน ปรากฏว่าเงินที่ลูกสาวเอามาให้เมื่ออาทิตย์ก่อน 10,000 บาท กับทองรูปพรรณอีก 1 บาทรวมมูลค่ากว่า 30,000 บาท ที่ใส่ในกระเป๋าเสื้อในได้หายไปทั้งหมด จึงรู้ว่าถูกหลอกด้าน นายพรชัย โนไธสง อายุ 54 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ซึ่งเป็นลูกเขยยาย ขับรถผ่านมาเห็นคนแปลกหน้าจึงถ่ายภาพหญิงสาวและรถที่ขับมาเอาไว้เป็นหลักฐาน เผื่อเป็นคนไม่ดี สุดท้ายก็เป็นนักต้มตุ๋นตามที่เป็นข่าวมาหลายครั้ง สำหรับเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในจ.บุรีรัมย์ ด้วยวิธีเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ เพราะไม่มีหลักฐาน แต่ครั้งนี้มีภาพถ่ายชัดเจน
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพเป็นหญิง หลอกมาตีสนิทแล้วขโมยเงินสดและทองรูปพรรณของ คนชราที่อยู่บ้านตามลำพัง พร้อมภาพถ่ายรถจักรยานยนต์และภาพหญิงที่มาหลอกเอาไว้ได้ จากการรวบร่วมพยานหลักฐาน โดยชุดสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนเพื่อจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว หลังก่อเหตุได้หลบออกนอกพื้นที่ และเข้ามาอาศัยในพื้นที่ จ.อุทัยธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานการปฏิบัติเข้าทำการสืบสวนเพื่อจับกุม ต่อมาได้รับแจ้งจาก น.ส.ธวัลกร แคฝอย อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ 179/2562 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” ได้ติดต่อจะขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่ กก.สส.ภจว.อุทัยธานี กระทั่งวันนี้ เวลาประมาณ 18.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบ นางสาวธวัลกร แคฝอย (ทราบชื่อภายหลัง) ได้เดินทางมาที่ กก.สส.ภจว.อุทัยธานี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบมีตำหนิรูปพรรณตรงตามหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับจึงได้ขอตรวจบัตรประชาชนพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ 179/2562 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2562 โดยกล่าวหาว่า“ลักทรัพย์ในเคหสถานโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ” จริงและไม่เคยถูกจับคดีนี้มาก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งให้ทราบว่าเขาต้องถูกจับพร้อมแจ้งข้อหาและแจ้งสิทธิ์ให้ทราบในสถานที่จับกุม และแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนนำตัวส่ง พงส.สภ.นาโพธิ์ จว.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุ
– ผู้ก่อเหตุ มีความสามารถ ใช้วาจา หลอกล่อ พูดจาโน้มน้าวให้เหยื่อ หลงเชื่อ น่าจะมีลักษณะการก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
– ผู้ก่อเหตุ จะเลือกเหยื่อที่อยู่บ้านลำพัง และเป็นผู้สูงอายุ และอ้างตนเป็นคนรู้จักหรือญาติ
– มีที่อยู่อาศัย ไม่เป็นหลักแหล่ง มีการแบ่งหน้าที่กันทำ เป็นแบบขบวนการ
– หลอกขายสินค้าปลอม หรืออ้างมาเรียกเก็บเงินค้าสินค้า
– กองปราบปราม จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน อย่าได้หลงเชื่อกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพ
ที่แอบอ้างตนเป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนของคนในบ้าน จะแสดงความสนิทสนม และขอเข้าบ้าน และแอบขโมยทรัพย์สินเงินทอง หากพบการกระทำความผิดโปรดแจ้ง กองบังคับการปราบปราม
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน