ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี ขอเล่าประวัติความเป็นมาของไอศครีมกะทิสด ขอเปิดตำนานณบัดนี้ การเดินทางของไอศกรีมกะทิจากแผ่นดินรัชกาลที่ 5 ก้าวข้ามกาลเวลามาสู่ปัจจุบัน
พาไปพบกับประวัติความเป็นมาของขนมหวานสัญชาติไทยแท้อย่างไอศกรีมกะทิ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งในสมัยโบราณนั้นไอศกรีมกะทินับเป็นของหวานที่หารับประทานได้ยาก จึงเป็นของหวานที่สงวนไว้ให้เฉพาะเจ้าขุนมูลนายในรั้ววังได้รับประทานเพียงเท่านั้น
นอกจากเมนูไอศกรีมกะทิจะถูกคิดค้นโดยคนไทยแล้ว ในปัจจุบันไอศกรีมกะทิได้ถูกครีเอตให้มีความหลากหลายทั้งรสชาติ รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงภาชนะที่ใช้ใส่เสิร์ฟ แต่สิ่งที่ยังคงเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลง คือความเข้มข้นหอมมันของกะทิสดนั่นเอง
ทราบหรือไม่ว่าไอศกรีมกะทิที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากัน และนิยมรับประทานเพื่อดับร้อนนั้นมีประวัติยาวนานมาหลายชั่วอายุคน เพราะหลังจากที่น้ำแข็งเดินทางมาถึงดินแดนสยามเมื่อสมัยรัชกาลที่ 4 จวบจนถึงเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีผู้ค้นพบบันทึกของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งได้กล่าวถึงการทำไอศกรีมในหนังสือเรื่อง ‘ความทรงจำหลังจากเสด็จประพาสสิงคโปร์ พ.ศ. 2414’ ไว้ว่า
“ไอศกรีมเป็นของที่วิเศษในเวลานั้น เพราะเพิ่งได้เครื่องทำน้ำแข็งอย่างเล็กที่เขาทำกันตามบ้านเข้ามา ทำบางวันน้ำก็แข็งบางวันก็ไม่แข็ง มีไอศกรีมบ้างบางวันก็ไม่มี จึงเห็นเป็นของวิเศษ”
และด้วยความวิเศษนี้ ในสมัยโบราณไอศกรีมจึงกลายเป็นของเสวยของบรรดาเจ้าขุนมูลนายในรั้ววังแต่เพียงเท่านั้น
ไอศกรีมที่นิยมรับประทานกันในยุคนั้นมีลักษณะเป็นเกล็ดแข็งจากมะพร้าวอ่อนและใส่เม็ดมะขามคั่ว จนไอศกรีมได้เริ่มแพร่หลายมากขึ้นหลังมีการตั้งโรงงานผลิตน้ำแข็งในเมืองไทย ช่วงแรกนั้นราคาของไอศกรีมยังมีราคาแพงเนื่องจากใช้วัตถุดิบหลักคือนมและครีมจากต่างประเทศ ชาวบ้านจึงได้นำกะทิสดซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับวิถีชีวิตมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำไอศกรีมแทน วัตถุดิบดังกล่าวทำให้ไอศกรีมในสมัยนั้นมีลักษณะเป็นน้ำแข็งละเอียด รสชาติไม่หวานมาก และมีกลิ่นหอมของดอกนมแมว ก่อนที่จะเริ่มมีวิวัฒนาการของไอศกรีมกะทิ โดยการใช้กะทิสดผสมกับน้ำตาลแล้วนำไปปั่นให้แข็ง เนื้อสัมผัสค่อนข้างเป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียด ตักใส่ถ้วยเป็นลูกๆ หรือที่เรียกติดปากกันว่าไอติมตัก แล้วเติมเครื่องเคราที่คนไทยชื่นชอบอย่าง ข้าวเหนียว ลูกชิด ขนุนฉีก ลอดช่อง เผือก เม็ดแมงลัก มันเชื่อม และโรยด้วยถั่วลิสงเพื่อเสริมความอร่อยเข้าไปอีกขั้น ไอศกรีมกะทิจึงนับว่าเป็นขนมหวานที่ถูกคิดค้นและสร้างสรรค์จากฝีมือคนไทยอย่างแท้จริง
จากเรื่องราวของไอศกรีมกะทิในยุคอดีตก้าวข้ามเวลามาสู่ปัจจุบัน ไอศกรีมกะทิยังคงเป็นของหวานที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เพราะไอศกรีมกะทิได้ถูกสร้างสรรค์ให้มีความแตกต่างกันไปตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของไอศกรีมที่เราคุ้นเคย เช่น ตักโปะลงบนขนมปังก้อน ตักใส่กรวยกรอบ แบบที่ตกแต่งมาในกะลามะพร้าวหรือลูกมะพร้าวอ่อน หรือแบบแท่งที่ถือรับประทานกันแบบง่ายๆ ซึ่งร้านอาหารหลายๆ แห่ง ก็นำเอาไอศกรีมกะทิมาครีเอตเป็นเมนูของหวานที่อาจจะดูไม่คุ้นตา แต่รสชาติอร่อยคุ้นเคย อย่างที่ร้านบาร์บีคิวพลาซ่า ได้เลือกเอาไอศกรีมกะทิมารังสรรค์เป็น 2 เมนูของหวานสำหรับช่วงเมษาฯ หน้าร้อนโดยเฉพาะ จากไอศรีมกะทิที่ใส่ถ้วยทานกันแบบธรรมดาทั่วๆ ไป ก็นำมาแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยท็อปปิ้งของหวานสไตล์ไทย อาทิ ลอดช่อง มันเชื่อม ทับทิบกรอบ และอื่นๆ มาเป็นเมนูกะทิเรนโบว์ ซันเด เสริมสตอรีความน่ากินด้วยโกลเด้นไซรัปที่ทำมาจากน้ำตาลมะพร้าวจากอัมพวา ราดเพิ่มรสชาติความหอมมันให้แก่ไอศกรีมกะทิดูมีมิติความน่ากินเพิ่มขึ้นไปอีก แต่ที่เห็นจะครีเอตสุดๆ ก็คงเป็นการนำไอศกรีมกะทิมาผสมผสานหรือประยุกต์กับเมนูของหวานจากต่างประเทศอย่าง บิงซู ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าได้ครีเอตขึ้นมาเป็นเมนูใหม่พิเศษ ในชื่อกะทิเรนโบว์ บิงซู ด้านนอกเป็นบิงซูรสชาติหวานหอมของกลิ่นกะทิอบควันเทียนสไตล์ไทย ด้านในเป็นไอศกรีมกะทิสัญชาติไทยแท้ๆ เสริมด้วยเครื่องรวมมิตรของหวานสีสันดึงดูดสายตา ที่สำคัญใส่ด้วยภาชนะขันเงิน เข้ากับแทรนด์การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในช่วงนี้
จากประวัติอันยาวนานของไอศกรีมกะทิที่สร้างสรรค์ขึ้นจากภูมิปัญญาของคนไทย ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบัน ถึงแม้ความหอม หวาน มันของไอศกรีมกะทิจะมีการพัฒนารูปแบบไปอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงคือรสชาติของกะทิที่ผูกพันกับคนไทยมาอย่างยาวนาน และยังคงเป็นของหวานไทยที่ยังทรงคุณค่าและอร่อยไม่แพ้ใครในโลก ที่นี่แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ก็มีเหมือนกัน ไอศครีมกะทิสด .อายุยืนยาวกว่า 45 ปีแล้ว..มีขายที่ตลาดอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ไอศครีมกะทิสด นี้ขึ้นชื่อมานาน .หวานมันเนื้อไอศครีมเต็มไปด้วยกะทิสดๆ .ไอศครีมไม่มีการตกค้างขายหมดวันต่อวันศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี ไม่รอช้าบุกไปที่ตลาดอำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ช่วงบ่ายๆ..ก็มาทันที..มารู้จักไอศกรีมกะทิสดที่นี่เมืองลพบุรีกันเลย บุกไปที่ ตลาดท่าวุ้ง..ร้อน-ไอศกรีม.”ลุงเบื๊อก”…บ่ายโมง..ลุงเบื๊อก ไอศกรีม ใครๆก็รู้จักไอศครีมลุงเปื้อก โด่งดังไปทั่วเมืองลพบุรีเรือทีเดียว มาถึงหน้าบ้าน..ถ้วยใหญ่ๆ 2. ถ้วย..เราสั่ง..แป๊บเดียวได้ตามประสงค์..นานๆจะได้กืนไอศกรีมของลุงเบื๊อก…กว่า 45 ปีย้อนตำนานเมื่อครั้ง..ลุงเบื๊อก.ปลดเกณฑ์จาก.ทหารอากาศ.มองหาอาชีพเสริม พร้อมกับ.หาเมีย.หลังแต่งงาน.อาชีพทำนาปีละครั้งไม่พอเลี้ยงลูก-เมีย.เริ่มขาย.ไอศกรีมกะทิสด.ตามรอย.ลุงเทิ้ม-พี่ชาย.จักรยานปั่น-ตระเวณทั่วพื้นที่ อ.ท่าวุ้ง/ใกล้เคียง.หน้าน้ำ(ฤดูน้ำหลาก)พายเรือขายไอศกรีมตามลำน้ำลพบุรี.บ้านเหนือยันคุ้งบ้านใต้..ช่วยเสริมรายได้นอกจากการทำนาได้ดีเชียวแหละ..กาลเวลาผ่านมาถึง 42 ปีกับอาชีพขายไอศกรีมกะทิสด.ของลุงเบื๊อก.ถึงแม้ไม่ได้.ร่ำรวย.มากมายแต่อยู่ได้.หากพอเพียง-เพียงพอ.ลุงเบื๊อก บอก..ก่อนออกเดินทางไปสืบสานตำนาน.ขาย.ไอศกรีมกะทิสด.ต่อ..(ชัดเจน…ไอศกรีมลุงเบื๊อก-รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์) ใครอยู่ใกล้ ใครอยู่ใกล้ๆก็มาอุดหนุนกันได้นะครับ ลุงแกจะออกขายช่วงบ่ายๆ ในตลาดอำเภอท่าวุ้งเกือบทุกวัน ใครอยากลิ้มลองความอร่อยของไอ้ไอศครีมกะทิสดเชิญได้เลยราคาประหยัดกระเป๋า ไม่แพงประหยัดเงินอีกต่างหาก ลองลิ้มรสกันได้ทุกวันไม่มีวันหยุด ไปช้าเดี๋ยวหมดไม่รู้นะ นิวส์วันออฟเดอะเวิลค์ บอกแล้วนะไม่เชื่อเดี๋ยวเสียใจภายหลัง หมดก่อนไม่รีบไปซื้อ ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี รับประกันความอร่อย ธเนศ วงศ์ใหญ่ สนอง แท่นสูงเนิน พรเทพ ศรีสมุทร ศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์ 5 เหล่าทัพ จังหวัดลพบุรี