เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2562 ตามคำสั่งของ พลตำรวจตรี ดร.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) โดยสั่งการให้ พันตำรวจเอก นครินทร์ สุคนทวิท รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (รองผบก.น.1) ระดมเร่งรัดปราบปรามการกระทำความผิดทุกประเภทในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ตั้งแต่วันที่ 12-21 มิถุนายน 2562 นั้น
สถานีตำรวจนครบาลบางโพ (สน.บางโพ) ภายใต้การอำนายการของ พันตำรวจเอก อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางโพ (ผกก.สน.บางโพ) ได้สั่งการให้ พันตำรวจโท บุรี ศรีหล้า รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางโพ (รองผกก.สส.สน.บางโพ) ให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท รวมทั้งหมายจับค้างเก่า
ต่อมาในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางโพ นำทีมโดย พ.ต.ท.บุรี ศรีหล้า รอง ผกก.สส.ฯ,พ.ต.ต.สุรชัย ทองสาลี สว.สส.ฯ.,ร.ต.อ.พรชัย ห่วงไทย,ร.ต.อ.วีระ ชุมวงศ์ รอง สว.สส.ฯ,ส.ต.ท.ธวัชชัย พรหมรักษา, ส.ต.ท.ศาสตรา กิตติคุณ,ส.ต.ท.ธีรุตม์ มูลจันทร์,ส.ต.ท.กิตติพงษ์ ทิพชัย,ส.ต.ท.ณัฐพล จันสีชา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนฯ
ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายปัญญา ชมปั้นทอง อายุ 35 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 131/2561 “ข้อหา สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534”,หมายจับศาลอาญา ที่ 118/2559 ข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น” และหมายจับศาลอาญา ที่ 977/2559 “ข้อหา รับของโจร”
พ.ต.ท.บุรีฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางโพ ได้สืบหาข่าวความเคลื่อนไหวเพื่อติดตามตัว นายปัญญาฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ สน.บางโพ 2 หมายคือ หมายจับศาลอาญา ที่ 118/2559 ข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น” พฤติการณ์คือ นายปัญญาฯ ได้ร่วมกันกับพวกอุ้มตัวผู้เสียหายเพื่อเรียกเอาทรัพย์สิน โดยอุ้มตัวไปข่มขู่ที่ วัดกำแพง พื้นที่ จ.นนทบุรี และหมายจับศาลอาญา ที่ 977/2559 “ข้อหา รับของโจร” พฤติการณ์ คือ นายปัญญาฯ ได้รับซื้อรถจักรยานยนต์ที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ของนายพรชัย หรือเก่ง พึ่งจะแย้ม ซึ่งเป็นพรรคพวกของนายปัญญาฯ ซึ่งนายพรชัยฯ ในขณะนี้ได้ถูกจับกุมและถูกจำคุกในคดีชิงทรัพย์ ดังกล่าว
จากการสืบสวนทราบว่า นายปัญญาฯ ได้รับฉายาว่า “เดี่ยว เมืองนนท์“ เป็นผู้ต้องหาสำคัญที่ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และเขตติดต่อ มีพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล และค้ายาเสพติด มีบริวารลูกน้องจำนวนมาก เวลาออกไปไหนจะมีรถนำคอยดูต้นทางและปิดท้าย ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ถ้าใครเบี้ยวค่ายาก็จะพาลูกน้องพร้อมอาวุธออกไปข่มขู่ทำร้าย จะพกปืนติดตัว 2 กระบอกตลอดเวลา เคยประกาศว่าจะไม่ยอมให้ตำรวจจับแต่โดยดี ถ้ามีการเข้ามาจับกุม จากการสืบสวนทำให้ฝ่ายสืบสวนต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง จนกระทั่งได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายปัญญาฯ จะมารับยาเสพติดที่หมู่บ้านพฤกชลดา ต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
พ.ต.ท.บุรีฯ พร้อมกำลัง จึงได้วางกำลังดักใกล้ทางเข้าหมู่บ้านฯ บริเวณริมคลองบางไทร ถ.ทางหลวงชนบท 4098 ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่. จ.นนทบุรี เมื่อสายลับแจ้งว่าเป้าหมายออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจุดเพื่อสกัดจับกุม แต่นายปัญญาฯ ไม่ยอมให้จับกุม ได้ขับรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น อาร์ 15 ทะเบียน 4 กศ 8386 กทม.พุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้รถจักรยานยนต์ของตำรวจซึ่งมี ส.ต.ท.กิตติพงษ์ฯ เสียหาย และได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็สามารถเข้าควบคุมตัวนายปัญญาฯ กับนายอำนวย สุดใจ ซึ่งร่วมกันค้ายาเสพติดเอาไว้ได้ ส่วนรถนำของนายปัญญาฯ ได้หลบหนีไป
พ.ต.ท.บุรีฯ กล่าวต่อว่า จากการค้นตัวนายปัญญาฯ พบของกลาง เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 4,000 เม็ด และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 35 กรัม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน