วันนี้ วันอังคารที่ 18 มิ.ย.62 ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) : พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผบก.ปอศ.) ได้สั่งการให้ พันตำรวจเอก ภาดล จันทร์ดอน ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ผกก.5 บก.ปอศ.) และ พันตำรวจโท ธนัยวุฒิ กมลวานนท์ สารวัตรกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (สว.กก.5 บก.ปอศ.)
ร่วมกันจับกุมนายหลิว ฉี้ จง สัญชาติจีน และนายทัพพ์ปภพ หรือนาวิน เรืองประดิษฐ์ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 843-844/2562 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2562 ในฐานความผิด “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมฯ,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ,ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบฯ” โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่คอนโดฯแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 27 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.
พ.ต.อ.ภาดลฯ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากทางพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ว่ามีการใช้บัตรเครดิตปลอมซื้อสินค้า และใช้บริการที่โรงแรมในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี (โลตัส คอนโดเทล ตั้งอยู่เลขที่ 43/4 ถนนร่วมจิต ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี)
ทำรายการช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนมกราคม 2562 โดยทำรายการผ่านเครื่องรูดบัตรเครดิตในระบบคีย์อิน คือกดรหัสบัตร 16 หลัก วันหมดอายุ และรหัส cvv (ด้านหลังของบัตร) ที่เครื่องโดยไม่ต้องรูดบัตร ซึ่งมีธุรกรรมต้องสงสัยจำนวน 144 รายการ รวมยอดเงินจำนวน 13,276,107 บาท
จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนทำการแกะรอยสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ประกอบไปด้วย นายธนาวุฒิ อิศรางกูร ณ อยุธยา เจ้าของโรงแรม,นายศักดา พงษ์เภตรา ผู้จัดการโรงแรม,นางสาวปาณิศา ซี่โฮ่ พนักงานงานโรงแรม จนกระทั่งพบว่ามีการทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันชัดเจน
โดยขบวนการนี้มี 9 ราย ซึ่งมีนายหลิวฯ เป็นผู้จัดหาบัตรเครดิตปลอม และนายทัพพ์ปภพฯ เป็นผู้นำบัตรเครดิตมารูดระบบคีย์อินเป็นค่าจองที่พักล่วงหน้า รวมทั้งมีเจ้าของโรงแรม พนักงานโรงแรม ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการธุรกรรมเกี่ยวข้อง จึงได้ทำการจับกุมโดยจับกุมนายหลิวฯ และนายทัพพ์ปภพฯ ได้ที่คอนโดฯย่านคลองเตย ส่วนเจ้าของโรงแรม พนักงานโรงแรม อีก 3 ราย ได้เชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ยังเหลือผู้เกี่ยวข้องอีก 4 รายที่เป็นผู้รับโอนเงิน ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตาม
พ.ต.อ.ภาดลฯ กล่าวต่อว่า โดยวิธีการของขบวนการนี้เริ่มจากมีผู้จัดหาบัตรเครดิตปลอมให้กับทางโรงแรมรูดบัตรระบบคีย์อินจำนวนเงินหลักหมื่นถึงแสนบาทต่อครั้ง อ้างว่าเป็นค่าจองกรุ๊ปทัวร์ล่วงหน้าจากต่างประเทศ มีผู้จัดเตรียมสำเนาหน้าบัตรเครดิต สำเนาหน้าพาสปอร์ต แบบฟอร์มการจองห้องพัก เอกสารทั้งหมดมีชื่อตรงกัน
ซึ่งชื่อนั้นถูกแอบอ้างว่าเป็นลูกค้ากรุ๊ปทัวร์ เพื่อเป็นหลักฐานให้กับโรงแรมเมื่อธนาคารขอดูเอกสารประกอบการจ่ายเงิน โดยผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดจะได้รับส่วนแบ่งเป็นเงินจากเงินที่ธนาคารโอนให้กับทางโรงแรม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ ก่อนขยายผล
ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมกันทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือแต่ส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ถ้าได้กระทำเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่แท้จริงหรือเพื่อใช้ประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใด,ร่วมกันใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น,ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายให้แก่ผู้อื่นหรือประชาชน ,ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามมาตรา 269/5 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด”
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ภาดลฯ กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของธุรกิจโรงแรม ควรระวังภัยดังกล่าว อาจตกเป็นเหยื่อจากมิจฉาชีพชาวต่างชาติ หากพบเห็นการกระทำดังกล่าว สามารถแจ้งตำรวจได้ทันที
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน