ลองอ่านบทความของ วีรบุรุษประชาธิปไตย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ครั้งหนึ่งที่ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ รสช. สืบทอดอำนาจ มาทบทวนความจำกัน ครับ
ขาเชียร์พลเอกประยุทธ์
ลองอ่านบันทึกของ อาทิตย์ อุไรรัตน์
♻️♻️♻️
จากดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์
5 ปีแห่งความทุกข์ระทมของประชาชน
5 ปีแห่งความหายนะของชาติบ้านเมือง
บอกได้คำเดียวว่า หนักกว่านักการเมืองอาชีพ ชาตินี้คงจะหาผู้นำที่สร้างความบรรลัยให้ชาติบ้านเมืองมากเท่าลุงคนนี้ไม่มีอีกแล้ว โดยเฉพาะการเอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัว/นายทุน น่าเกลียดจริงๆ
> ที่ดินรถไฟมักกะสันปอดของกรุงเทพฯที่ ร.5 ท่านประทานไว้เป็นสาธารณะประโยชน์กับคนไทย ก็ใส่พานประเคนให้เจ้าสัวซี.พี.
> ยกที่ดินยาสูบให้นายทุนไปทำอหังสาฯ และยังปรับภาษีสรรพสามิตบุหรี่ไทย ทำให้บุหรี่ไทยแพงขึ้นเทียบเท่าบุหรี่นอก คนก็เลยหันไปสูบบุหรี่นอก ทำให้โรงงานยาสูบที่เคยกำไรหมื่นล้าน กลายเป็นขาดทุนหลายพันล้าน
> ให้เจ้าสัวเจริญต่อสัญญาเช่าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โดยไม่ต้องประมูลแข่งขัน และแก้ไขสัญญาเช่าจาก 25 ปี เป็น 50 ปี
> ให้ต่างชาติ+นายทุน เช่าที่รัฐ 99 ปี ปชช.ไม่เห็นด้วยก็เปลี่ยนเป็นให้เช่า 50 ปี ต่อสัญญาได้อีก 49 ปี สรุปคือให้เช่า 99 ปี
> เดินหน้าโครงการเศรษฐกิจพิเศษ 10 จังหวัด(นิคมอุตสาหกรรม) บางพื้นที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม บางพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ นิคมอุตสาหกรรมสกปรก อันตรายแค่ไหนก็ดูมาบตาพุดเป็นตัวอย่าง
> ยกที่สาธารณะ ที่ป่า รวมถึงไล่ยึดที่ดินทำกินชาวบ้านไปยกให้นายทุนทำเศรษฐกิจพิเศษ
> ให้ต่างชาติซื้อที่ดินใน 13 จังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษได้ไม่อั้น
> โครงการ EEC เอื้อประโยชน์สุดๆให้ต่างชาติและนายทุน ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 13 ปี / อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% ต่ำสุดในอาเซียน / ยกเว้นภาษีนำเข้า เครื่องจักร วัตถุดิบ / สนับสนุนค่าใช้จ่าย ในการลงทุน การวิจัย / อนุญาตให้ถือกรรมสิทธิ์ ที่ดิน / ให้สิทธิ์การเช่าที่ดินรัฐ ถึง 50 ปี และสามารถพิจารณา ต่ออายุอีก 49 ปี / วีซ่าทำงาน 5 ปี
> มอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช และ บางใหญ่-กาญจนบุรี ใช้เงินภาษีประชาชนสร้าง 1.4 แสนล้าน แต่ไม่มีปัญญาทำด่านเก็บเงิน ต้องให้เอกชนมาสัมปทานเป็นผู้ทำด่านเก็บเงินค่าผ่านทาง โดยรัฐจ่ายค่าจ้างให้เอกชนปีละ 2,000 ล้าน สัญญา 30 ปี รวยแบบง่ายๆไม่ต้องมีความเสี่ยงใดๆ
> ดึงโครงการทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และบางนา-ชลบุรี เข้ากองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เอื้อประโยชน์ให้นายทุนรวย
> ค่าโง่คลองด่านคดียังไม่สิ้นสุด แต่รีบจ่ายงวดแรกไป สุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่ต้องจ่ายค่าโง่ แต่ค่าโง่งวดแรกที่จ่ายไปก็ไม่ยอมทวงคืน
> ส่อแววล้มมวยเรื่องค่าโง่เหมืองทองคำ ที่ถูกบริษัทคิงส์เกตจากออสเตรเลียฟ้องร้อง เพราะคิงส์เกตเคยติดสินบนรัฐมนตรีอุตสาหกรรมไทย และข้าราชการระดับสูงของไทย ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จำนวน 3,000 ล้าน โดยทางตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียส่งหลักฐานการโอนเงินมาให้กลต.ไทย และได้ส่งต่อมาให้ปปช.อีกทีในปี 2558 แทนที่รัฐบาลจะเร่งรีบตรวจสอบเอาผิด เพื่อนำมาใช้ต่อสู้คดีถูกฟ้องเรียกค่าโง่ ซึ่งก็จะทำให้ไม่ต้องจ่ายค่าโง่ ก็กลับดองเรื่องเงียบ ไม่เคยพูดถึงสักแอะ ส่อเจตนาจริงๆ
> เบื้องหน้าสั่งปิดเหมืองทอง แต่เบื้องหลังยังเดินหน้า มีการไล่ยึดที่ดินชาวบ้านไปยกให้นายทุนทำเหมืองทอง
> เอาเงินสำรองระหว่างประเทศไปเล่นหุ้น
> ข้าวดี ตีเป็นข้าวเสื่อมราคาแล้วขายถูกเอื้อประโยชน์นายทุน
> ขายเหมาเข่ง 11 รัฐวิสาหกิจสมบัติของชาติ โดยใช้แผนตบตาคนไทยด้วยการตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจ อ้างให้รัฐดูแล แต่เปิดทางให้นายทุนเข้ามาถือครอง
> ปลดล็อคผังเมืองเอื้อนายทุน โครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อม-ชุมชน ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
> ผ่านพรบ.แร่เอื้อนายทุน ทีนี้ประทานบัตรเหมืองแร่ไปทับที่ดินชาวบ้านคนไหน เจ้าของที่ดินก็จะกลายเป็นผู้บุกรุกที่ดินตนเอง
> ไล่ยึดที่ดินทำกินชาวบ้านที่อยู่ทำกินมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เพื่อไปยกให้นายทุนทำเหมืองแร่ ชาวบ้านคนไหนไม่ยอม ก็ฟ้องเอาติดคุก มีติดคุกไปหลายราย ผู้สูงวัยทั้งนั้น
> เดินหน้ายัดเยียดเหมืองโปรแตซทำลายเกษตรกรรมที่ภาคอีสาน เอื้อนายทุน
>ยัดเยียดการสร้างเขื่อนวังหีบ จ.นครศรีธรรมราช และแอบอ้างว่าเป็นโครงการพระราชดำริในหลวง ร.9 เพื่อให้ปชช.ยอมรับ ทั้งที่ในหลวงท่านไม่เคยยัดเยียดโครงการใดๆถ้าหากปชช.ไม่ต้องการ(โครงการนี้มีปชช.ทูลขอพระราชทาน ในหลวงท่านจึงได้ให้หน่วยงานรับผิดชอบไปศึกษาโครงการ แต่สรุปแล้วไม่คุ้มค่า ไม่เกิดประโยชน์ และยังไปทำลายป่าลุ่มน้ำชั้น 1 โครงการจึงล้มเลิกไป แต่ถูกดันโครงการอีกครั้งในรัฐบาลนี้และยังมีการแอบอ้างว่าเป็นโครงการของในหลวง สารเลวจริงๆ)
> เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินสกปรกหลายจังหวัดเอื้อประโยชน์นายทุนเหมืองถ่านหิน ทั้งที่ทั่วโลกทยอยยกเลิก เพราะมันสกปรกมีมลพิษอันตราย
> ยัดเยียดการขุดเจาะปิโตรเลียมที่บ้านนามูล ดูนสาด จ.ขอนแก่น เอื้อนายทุนบริษัทน้ำมัน มีชาวบ้านคัดค้าน ก็ส่งฝ่ายปกครองไปข่มขู่ให้ยินยอม
> เชฟรอนโกงภาษี 3,000 ล้าน แทนที่จะไล่กลับอเมริกา กลับใจดีต่อสัมปทานให้แหล่งทานตะวันในอ่าวไทยของเชฟรอนไปอีก 10 ปี ที่สุดอุบาทว์คือ คิดค่าลงนามต่ออายุสัมปทานแค่ 15 ล้านบาท และส่วนแบ่งจากการขายเพียง 1% จากมูลค่าปิโตรเลียมของแหล่งนี้ 3-5 แสนล้านบาท(แหล่งนี้ขุดน้ำมันดิบมูลค่า 40 ล้านบาท/วัน ขุดวันเดียวก็ได้เงินมากกว่าที่จ่ายค่าลงนามต่อสัญญากับรัฐกว่าเท่าตัวแล้ว และแหล่งนี้ยังมีก๊าซธรรมชาติอีกมาก)
> เชฟรอนเจตนาสำแดงใบขนน้ำมันปลอดภาษีเท็จซ้ำซาก ผิดกฏหมายอาญาแผ่นดิน ก็อุ้ม ไม่เอาผิด และยังให้ร่วมประมูลสัมปทาน
> ส่วนกรณีนี้ยิ่งหนัก 7 บริษัทน้ำมันทำผิดกฏหมาย ลักลอบขุดน้ำมันในที่ส.ป.ก. ศาลปกครองจึงมีคำสั่งให้เลิกขุด แต่นอกจากคสช.จะไม่เอาผิดแล้ว ยังใช้ ม.44 ล้างผิดให้ และแก้กฏหมายส.ป.ก.อนุญาตให้เอกชนขุดน้ำมันในที่ส.ป.ก.ต่อไปได้ ขนาดคำสั่งศาลยังไร้ความหมาย แล้วบ้านนี้เมืองนี้จะอยู่กันอย่างไร
> มีก๊าซ มีน้ำมันเต็มแผ่นดิน แทนที่จะขุดเอง เพื่อให้รายได้เข้ารัฐเต็มๆ ไม่ต้องไปแบ่งให้ใคร ก็ไปแจกสัมปทานให้ต่างชาติรวย
> แจกสัมปทานปิโตรเลียมโดยเลือกระบบที่รัฐเสียประโยชน์ ระบบจ้างผลิตที่รัฐได้ประโยชน์ 80-90% ไม่เอา แต่เลือกระบบ PSC(จำแลง) ที่ได้ส่วนแบ่งแค่ 30%
> แก้ไขพรบ.ปิโตรเลียมให้ไทยตกเป็นทาสบริษัทน้ำมันต่างชาติหนักข้อขึ้นกว่าเดิม
> แก้ไขพรบ.ปิโตรเลียม ลดการจัดเก็บภาษีรายได้จากบริษัทน้ำมันผู้สัมปทาน จากเดิมเก็บอยู่ 50% ก็ลดเหลือ 20%
> ก่อนคสช.เข้ามา เก็บภาษีรายได้จากผู้สัมปทานปิโตรเลียมได้ราว 1 แสนล้านบาท/ปี ปัจจุบันเก็บแค่ไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาท/ปี
> ขูดรีดภาษีน้ำมันปชช. อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตกว่าทุกรัฐบาล
> ก่อนคสช.เข้ามา เก็บภาษีน้ำมันปชช.อยู่ราว 6 หมื่นล้านบาท/ปี ปัจจุบันเก็บ 2.2 แสนล้านบาท/ปี
ขึ้นราคาก๊าซ LPG อย่างบ้าคลั่ง ขึ้นมากที่สุดกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านๆมาชนิดทิ้งไม่เห็นฝุ่น
> ขึ้นลงราคาน้ำมันไม่เป็นธรรมกับปชช. ตลาดโลกขึ้น น้ำมันไทยรีบขึ้นราคาตาม ตลาดโลกลดลง น้ำมันไทยไม่ค่อยจะลงตาม และหลายครั้งขึ้นราคาสวนทางตลาดโลกแบบหน้าด้านๆ และตอนขึ้น 50 สตางค์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนตอนลง 20-40 สตางค์เป็นส่วนใหญ่ ขึ้นลงลักษณะนี้จนปชช.ด่าจนหมดคำด่าไปแล้ว
> แยกธุรกิจค้าน้ำมันออกจากปตท.ไปยกให้นายทุน
> ขายหุ้นโรงกลั่นบางจากที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ให้กลุ่มทุน
> ขายหุ้นโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม(SPRC)ที่ปตท.ถือหุ้นอยู่ให้นายทุน
> ปตท.โกงท่อก๊าซ ก็ไม่ยอมทวงคืน
> แยกท่อก๊าซออกจากปตท.ไปให้นายทุน
> อุ้มธุรกิจปิโตรเคมีของปตท. ด้วยการยกเลิกเก็บเงินภาคปิโตรเคมีเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งที่เดิมเขาก็จ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันน้อยกว่าประชาชนอยู่แล้ว ทำให้ทุกวันนี้ภาคปิโตรเคมีไม่ต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันสักบาท ทั้งที่ใช้ก๊าซ LPG มากกว่าใคร ใช้มากกว่าภาคครัวเรือนที่คนไทยใช้หุงต้มกันทั้งประเทศอีก
> เขมรบุกยึดที่นาคนไทยที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ก็ไม่ขับไล่ออกไป แถมให้คนของรัฐไปกล่อมชาวบ้านให้แบ่งที่ให้เขมร อ้างเพื่อความสัมพันธ์(น่าจับไปตัดคอทิ้งจริงๆ)
> ปล่อยเขมรสร้างอนุสาวรีย์บนพื้นที่ทับซ้อนที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ละเมิดข้อตกลงไทย-เขมร ที่ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ทับซ้อน
> ปล่อยเขมรเอาหลักเขตมาปักบนปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ คนไทยรักชาติจะถอนออก ก็สั่งทหารใหญ่ที่ดูแลให้ล้อมลวดหนามเอาไว้ไม่ให้ถอนออก(ระยำจริงๆ)
> ปล่อยเขมรสร้างกาสิโนล้ำแดนที่ด่านช่องสายตะกู บุรีรัมย์ คุณวีระ สมความคิดจะไปตรวจสอบ ก็ถูกข่มขู่
> MOU43 เขียนสมัย ชวน หลีกภัย รองรับแผนที่เขมร จะทำให้ไทยเสียดินแดนบนบกในหลายพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย-เขมร และ MOU44 ที่เขียนสมัย ทักษิณ ชินวัตร ไปรองรับไหล่ทวีปเขมร จะทำให้ไทยเสียพื้นที่ทางทะเลในบริเวณเกาะกูดที่มีน้ำมัน คสช.ก็กอดไว้เหนียวแน่น ไม่ยอมยกเลิก
> ปล่อยเขมรบุกยึดดินแดนอย่างง่ายดายในหลายพื้นที่ ไม่คิดปกป้องอธิปไตย แต่ช็อปอาวุธกระจาย ทั้งรถถัง เครื่องบินรบ เรือดำน้ำ
> ในหลวงเคยรับสั่งว่าทะเลบ้านเราตื้น ไม่เหมาะกับการมีเรือดำน้ำ แต่ลุงซื้อเรือดำน้ำจีน 3.6 หมื่นล้านหน้าตาเฉย ไม่เห็นในหลวงอยู่ในสายตา
>อ้างศาสตร์พระราชา อ้างเศรษฐกิจพอเพียง แอบอ้างในหลวง โหนพระองค์ท่านเรียกคะแนนนิยมให้ตัวเอง แต่ทำตรงข้าม ทั้งอุ้มทุน ทั้งใช้จ่ายเกินตัว ฟาดแต่เมกกะโปรเจ็ควงเงินสูงๆ สร้างหนี้มากมายมหาศาล
> เขียนรัฐธรรมนูญเปิดทางขายชาติให้ทางสะดวก ม.190 เดิม เรื่องหนังสือสัญญา การค้า การลงทุนระหว่างประเทศ ที่ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทยพยายามแก้ไข เพื่อให้ผ่านสภาง่ายๆ โดยเรื่องที่จ้องกันตาเป็นมัน ก็คือเรื่องของการตกลงแบ่งผลประโยชน์พลังงานบนพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยกับเขมร แต่ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยแก้ไม่สำเร็จ เพราะถูกปชช.รู้ทันคัดค้าน แต่สุดท้ายก็มาสำเร็จด้วยฝีมือลุงตู่ เพราะไปหลอกคนไทยว่าเป็นรธน.ปราบโกง และห้ามวิพากษ์วิจารณ์รธน.ก่อนลงประมามติ โดยโยกไปแก้ที่ ม.178 เพื่อหลบหลีกสายตาคนไทย
> เขียนรธน.ม.146 ริดรอนอำนาจพระมหากษัตริย์ จากเดิมที่ร่างพระราชบัญญัติใดๆ ถ้าพระมหากษัตริย์ทรงไม่เห็นชอบด้วย และพระราชทานคืนมายังรัฐสภา หรือเมื่อครบ 90 วันแล้วยังไม่พระราชทานคืนมา รัฐสภาจะต้องปรึกษาร่างพระราชบัญญัตินั้นใหม่ ก็แก้ไขเป็นว่า ถ้าเสียง 2 ใน 3 ของสภาเห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัตินั้น ให้นายกฯนำร่างพระราชบัญญัติทูลเกล้าอีกครั้ง ถ้าพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงปรมาภิธัย หรือไม่พระราชทานคืนมาภายใน 30 วัน ก็ให้นายกฯนำพระราชบัญญัตินั้นประกาศใช้ได้ เสมือนว่าพระมหากษัตริย์ได้ลงปรมาภิธัยแล้ว(หลังรธน.ผ่านการลงประชามติ และได้นำทูลเกล้า ก็ได้มีการตีกลับให้ไปแก้ไขในหมวดอำนาจพระมหากษัตริย์ ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับมาตรานี้หรือเปล่า เพราะนายกฯปิดปากเงียบ)
ฯลฯ
ทุกเรื่องที่ว่าไป มาจากสื่อหลักๆ ผมเคยทำโพสต์และแชร์ออกไปแล้วทั้งนั้น นี่แค่เท่าที่จำได้นะ หรือถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติม ก็มาบอกไว้ในคอมเม้นต์ได้ ผมจะนำมาใส่เพิ่มเติม
สรุป ****
นี่คือข้อคิดเห็น ของท่าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้ที่สร้างประวัติศาสตร์ กล้าเปลี่ยนตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี โดยเอาคนนอกมาทำหน้าที่แทน ดับวิกฤตความวุ่นวาย โดยไม่สนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง อันนี้ ถ้าท่านประธาน ชวน หลีกภัย จะนำมาใช้ ก็ม่ายผิดกติกาอะไร เพราะเป้าหมาย คือ ให้เกิดความเรียบร้อยในชาติบ้านเมือง เห็นประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าส่วนตน ขึ้นอยู่กับว่า ท่านชวน จะกล้าหาญเหมือน วีรบประชาธิปไตย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ หรือไม่โปรดติดตาม
ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ ผู้เขียน/รวบรวมข้อมูล
ข้อมูล จากแหล่งข่าว/บทความ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์
/กลุ่มชมรมตุลาประชาธิปไตย อาจารย์พิเชียร อำนาจวรประเสริฐ
วันเสาร์ ที่ 8 มิถุนายน 2562