เมื่อเวลา 21.00 น.ของคืนวันพุธที่ 5 มิ.ย. 62 : กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) นำโดย พลตรี มนัส จันดี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (รองผอ.รมน.กทม.)(ท) พร้อมด้วย พันเอก วิโรจน์ หนองบัวล่าง หัวหน้าฝ่ายข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.),พันเอกศรุติ รัตโนทัย รองหัวหน้ากลุ่มงานรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.),ร้อยตำรวจเอก มณฑล สุพรรณเภสัช รองสารวัตรสืบ สนง.จัดหางาน กรุงเทพมหานครพื้นที่ 3 กรมจัดหางาน,เจ้าหน้าที่ทหาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.),เจ้าหน้าทหาร ร้อย รส.ร.19 พัน 13 เขตวัฒนา,เจ้าหน้าที่เทศกิจเขตวัฒนา,เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ 191 (สปพ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี รวมกำลังทั้งหมดกว่า 70 นาย
ร่วมระดมกำลังเข้ากวาดล้างจับกุม แผงร้านขายอุปกรณ์เซ็กส์ทอย และยาไวอากร้า รวมทั้งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยผิดกฎหมาย บริเวณตั้งแต่ซอยสุขุมวิท 3 จนถึง สุขุมวิทซอย 17 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหาคร จับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางหลายรายการ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
พล.ต.มนัสฯ เปิดเผยว่า ได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการวางแผงขายอุปกรณ์เซ็กส์ทอย และยาไวอากร้า ริมถนนย่านซอยนานา ให้กับนักท่องเที่ยวอย่างโจ่งครึ่ม ไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย จึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าจับกุมได้ทั้งสิ้น 30 แผงลอย พร้อมผู้ต้องหา 4 คน เป็นคนต่างด้าว 1 คนและคนไทย 3 คน ยึดสินค้าทั้งอุปกรณ์เซ็กส์ทอยหลายรายการ และยาไวอากร้า ยาปลุกเซ็กส์หลายยี่ห้อ รวมทั้งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท ยึดของกลางทั้งหมดรวมกว่า 2 หมื่นชิ้น
พล.ต.มนัสฯ เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยได้ทำการจับกุมและยึดสินค้าในลักษณะอย่างนี้มาแล้วจำนวนถึง 3 ครั้ง เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว และ ช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา แต่ยังคงวางขายอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฏหมาย จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมและยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับได้ตรวจยึดสมุด ลงบันทึกการขายได้จำนวน 2 เล่ม 2 แผงร้านค้าเป็นลายมือของคนต่างด้าว ซึ่งตรวจสอบยอดขายแล้ว มียอดขายอยู่เฉลี่ยวันละ 5,000 ถึง 10,000 บาท ต่อวัน/ต่อแผง หากรวมทั้งหมด 30 แผง คาดว่าจะมีเงินหมุนเวียน วันละ 150,000 บาท ถึง 300,000 บาทหรือเดือนละ4,500,000 – 9,000,000 บาทโดยคาดว่ามีนายทุนรายเดียวที่อยู่เบื้องหลังและออกเงินให้กับคนต่างด้าว ในการขายสินค้าที่ผิดกฏหมายเหล่านี้
อย่างไรก็ตามการขายสินค้าดังกล่าวถือว่าเป็นความผิด และยาบางชนิดก็เป็นอันตราย อีกทั้งยังเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศอีกด้วย เบื้องต้นได้ควบคุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี แจ้งข้อหา มีไว้ซึ่งสิ่งลามกอนาจาร และยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนคุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พล.ต.มนัสฯ กล่าวทิ้งท้ายในที่สุด
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน