วันนี้ วันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ค.62 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) : พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมด้วย พันตำรวจเอก สันติ ชัยนิรามัย รองผู้บังคับการปราบปราม (รองผบก.ป.),พันตำรวจเอก เนติ วงษ์กุหลาบ ผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม (ผกก.5 บก.ป.),พันตำรวจโท อนุชา ศรีสำโรง รองผู้กำกับการ 5 กองปราบปราม (รองผกก.5 บก.ป.),พันตำรวจตรี เกริก เสนาะสำเนียง และพันตำรวจตรี ฐิติวัสส์ แซมเขียว สารวัตรกองกำกับการ 5 กองปราบปราม (สว.กก.5 บก.ป.)
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปลอมล็อตเตอร์รี่เพื่อนำไปขึ้นเงินรางวัล จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายอดุลวิทย์ เทียมขุนทด อายุ 24 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ และศาลจังหวัดกาญจนบุรี,นายศิริวัฒน์ เทียมขุนทด อายุ 18 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทองผาภูมิ,นายสุระชัย แน่ประโคน อายุ 21 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งหมดถูกจับในข้อหา “ร่วมกันปลอม,ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม และร่วมกันฉ้อโกง” และน.ส.นงเยาว์ จงจิตร์กลาง อายุ 50 ปี ชาว จ.นครราชสีมา พร้อมของกลาง สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 2 พ.ค.62 ที่ยังไม่ถูกปลอมแปลงจำนวน 70 ใบ สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดดังกล่าวที่กำลังอยู่ระหว่างปลอมแปลง จำนวน 19 ใบ และสลากกินแบ่งงวดเดียวกันที่ทำการปลอมแปลงเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 2 ใบ ใบมีดโกน แผ่นกระจกใส กล้องขยาย สีไม้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการปลอมแปลงอีกจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวนายอดุลวิทย์ฯ ได้ที่ริมทางหลวงชนบท ต.ไทรงาม อ.บางเลน จ.นครปฐม ส่วนนายศิริวัฒน์ฯ จับกุมได้ที่ หน้าป้ายรถประจำทาง หน้าห้างสรรพสินค้าเมเจอร์รังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายสุระชัยฯ จับกุมได้ที่ ริมคลองส่งน้ำบางพลี ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และ น.ส.นงเยาว์ฯ จับกุมได้ที่ บ้านเลขที่ 1596/472 หมู่บ้านรินทร์ทอง ซ.8 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนี้ พร้อมกับพวกอีก 2 คนคือ นายลัดเกล้า มั่นธรรม อายุ 38 ปี ชาว จ.อ่างทอง และ นายเจนภพ พิมพิค่อ อายุ 21 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา จับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ ได้มีพฤติการณ์ร่วมกันทำการปลอมแปลงสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ลอตเตอรี่ รางวัลต่างๆ เพื่อนำไปหลอกขายให้กับกลุ่มผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ในราคาที่ถูกกว่าเงินรางวัลจริงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ เมื่อผู้เสียหายเห็นว่าหากรับซื้อลอตเตอรี่ดังกล่าวแล้วนำไปขึ้นเงินตนเองก็จะได้รับเงินรางวัลส่วนต่างที่เหลือ จึงหลงเชื่อยอมจ่ายเงินรับซื้อลอตเตอรี่จากผู้ต้องหากลุ่มนี้ กระทั่งเมื่อนำลอตเตอรี่ดังกล่าวไปขึ้นเงินรางวัลถึงทราบว่าเป็นลอตเตอรี่ที่ถูกปลอมขึ้นมา
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าในช่วงเดือน มีนาคม ถึง เมษายน ที่ผ่านมา เฉพาะในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อเหตุของผู้ต้องหากลุ่มนี้ ประกอบด้วยพื้นที่ สภ.ลาดหญ้า,สภ.บ่อพลอย,สภ.ห้วยกระเจา และสภ.ไทรโยค พบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกและนำสลากกินแบ่งปลอม ไปขึ้นเงินรางวัลที่ 2 และ 4 แล้วรวมจำนวน 6 ครั้ง สูญเงินรวมกว่า 560,000 บาท อย่างไรก็ตามภายหลังทราบเรื่องได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสผู้ต้องหาที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนีจนสามารถสืบทราบแหล่งกบดานของ นายอดุลวิทย์ฯ,นายศิริวัฒน์ และนายสุระชัย จึงนำกำลังเข้าไปทำการจับกุมตัว ก่อนจะขยายผลไปติดตามจับกุมตัว น.ส.นงเยาว์ฯ พร้อมของกลางที่บ้านพักในภายหลัง
พล.ต.ต.จิรภพฯ กล่าวอีกว่า สำหรับรูปแบบวิธีการปลอมแปลงสลากกินแบ่งของผู้ต้องหากลุ่มนี้ เป็นการปลอมแปลงที่ค่อนข้างเฉพาะตัว โดยเน้นการใช้งานฝีมือ มีการใช้ใบมีดโกนแกะลอกตัวหนังสือออกก่อนจะใช้สีไม้ระบายทับให้เหมือนจริง ซึ่งผู้ที่ใช้วิธีดังกล่าวในการปลอมแปลงจำเป็นต้องมีความประณีตเป็นอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบทั่วไปที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาก่อเหตุ อย่างไรก็ตามแม้วิธีการปลอมแปลงจะไม่ทันสมัยแต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการปลอมแปลงของผู้ต้องหากลุ่มนี้ค่อนข้างที่จะเหมือนจริงเลยทีเดียว ซึ่งต้องใช้ความชำนาญพอสมควรในการวิเคราะห์ถึงจะทราบว่าเป็นลอตเตอรี่ที่ถูกปลอมขึ้นมา
นายณัฐสุทธิ์ จิ๋วเชื้อพันธ์ หัวหน้าสำนักกฎหมาย สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำหรับล็อตเตอร์รี่ดังกล่าวมีลักษณะใกล้เคียงกับสลากจริงมาก สังเกตจากตัวเลข อักษรไทยและอังกฤษมีความแนบเนียน แนะนำให้ผู้ซื้อ เปรียบเทียบกับสลากที่ออกในงวดนั้นๆ ตรวจดูลักษณะกระดาษ สังเกตสัญลักษณ์ตรานกวายุภักษ์ ทดสอบเส้นไหมในกระดาษด้วยแสงยูวีบนตัวเลข หากไม่เป็นรอยต่อเนื่องอาจเป็นสลากปลอม นอกจากนี้ ขอแนะนำให้เซ็นต์ชื่อหลังสลากเพื่อยืนยันว่าเป็นของตนเองจริง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา
ด้าน พ.ต.อ.เนติฯ กล่าวว่า ทั้งนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 4 รายให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่า น.ส.นงเยาว์ฯ จะเป็นผู้ทำการปลอมแปลงลอตเตอรี่ทั้งหมดขึ้นมา โดยแต่ละใบจะใช้เวลาในการปลอมแปลงให้เหมือนจริงใบละประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อเสร็จแล้วก็จะนำไปส่งมอบให้กับผู้ต้องหารายอื่นที่อยู่ร่วมขบวนการเดียวกันนำไปตระเวนหลอกขายให้กับผู้เสียหายก่อนจะนำเงินมาแบ่งกัน ทั้งนี้ยอมรับว่าก่อเหตุมาแล้วทั้ง 3 ครั้ง โดยที่ผ่านมา น.ส.นงเยาว์ฯ จะเป็นผู้ได้รับส่วนแบ่งเยอะสุด ส่วนนายอดุลย์วิทย์ฯ และพวกที่เหลือที่ทำหน้าที่นำไปหลอกขายผู้เสียหาย จะได้รับส่วนแบ่งรวมกัน 120,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวนายอดุลวิทย์ฯ และนายศิริวัฒน์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ นายสุระชัยฯ ส่ง สภ.ห้วยกระเจา ส่วนน.ส.นงเยาว์ฯ เป็นการจับกุมจากความผิดซึ่งหน้าพร้อมกับของกลาง เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าว ปลอมเอกสารสิทธิ์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Cr.เจริญผล เอี่ยมพึ่ง
สุรเชษฐ ศิลานนท์ รายงาน